ข้อมูลท่องเที่ยวญี่ปุ่น

ข้อมูลท่องเที่ยวญี่ปุ่น

ข้อมูลทั่วไป
ที่ตั้ง
 ตั้งอยู่ด้านฝั่งตะวันออกของทวีปเอเชีย หรือทางตอนเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก ประเทศญี่ปุ่นมัลักษณะเป็นเกาะ ทำให้กูมิประเทศติดกับทะเล ไม่ติดกับประเทศใดเลย การที่ประเทศญี่ปุ่นมีลักษณะเป็นเกาะ ทำให้ญี่ปุ่นเผชิญกับปัญหาแผ่นดินไหวมากกว่าทุก ๆ ประเทศในโลก ที่ทำให้ญี่ปุ่นประสบกับภาวะแผ่นดินไหวเช่นนี้เพราะ ญี่ปุ่นมีสภาพภูมิศาสตร์ตั้งอยู่บนรอยเลื่อนต่าง ๆ มากมาย


เมืองหลวง  กรุงโตเกียว


ภาษา   ใช้ภาษาญี่ปุ่นในการติดติดต่อสื่อสาร ตัวอักษรในภาษาญี่ปุ่นสามารถจำแนกออกเป็นสองกลุ่ม คือ ตัวอักษรที่ใช้ง ซี่งได้แก ่ฮิระงะนะ และ คะตะคะนะ กับ ตัวอักษรที่แสดงความหมาย ที่เรียกว่า คันจิ โดยใช้ร่วมกับตัว   เลขอารบิก และตัวอักษรโรมัน ซึ่งจะมีความหลากหลายมากกว่าภาษาที่ใช้ในประเทศใกล้เคียง เช่น ภาษาจีน ซึ่งใช้ตัวอักษรจีน เป็นหลัก ส่วนภาษาญี่ปุ่น ก็จะใช้ อักษรฮันกุลเป็นหลัก


ชุดประจำชาติญี่ปุ่น คือชุด"กิโมโน" ซึ่งในประเทศญี่ปุ่น แบ่งสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐานของมนุษย์ออกได้เป็น 3 อย่างคือ "เสื้อผ้า" "อาหาร" "ที่อยู่อาศัย" การที่เสื้อผ้ามีความสำคัญเป็นอันดับแรกก็เพราะมีความเชื่อมาเป็นเวลานานว่า เสื้อผ้าเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้รู้จักฐานะทางสังคม อาชีพ อุปนิสัยใจคอของคน ๆ นั้นได้ จึงให้ความสำคัญกับเสื้อผ้าเป็นพิเศษ

ภูมิอากาศ
ญี่ปุ่นมี 4 ฤดูหลัก ที่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน คือ 
ฤดูใบไม้ผลิ 
      : (มีนาคม-พฤษภาคม) อากาศอบอุ่น 
ฤดูร้อน             : (มิถุนายน-สิงหาคม) อากาศร้อนชื้นโดยมีช่วงฤดูฝนสั้นๆ ประมาณ 1 เดือนในช่วงต้นฤดู 
ฤดูใบไม้ร่วง      : (กันยายน-พฤศจิกายน) อากาศอบอุ่น โดยมีพายุไต้ฝุ่นมากในช่วงเดือนกันยายน 
ฤดูหนาว           : (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) อากาศหนาว มีหิมะตกมากทางภาคเหนือของประเทศและฝั่งทะเลญี่ปุ่น ส่วนทางใต้และฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก อากาศจะอบอุ่นกว่า

ระเบียบการเข้าเมือง
        ปัจจุบันการทำหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตมีความสะดวกและรวดเร็ว โดยการไปยื่นคำร้องด้วยตนเองที่กองหนังสือเดินทาง กระทรวงการต่างประเทศ หรือที่สำนักงานสาขาของกองหนังสือเดินทาง ทุกวันเวลาราชการ และเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่น ผู้ยื่นคำร้องจะต้องมีเอกสารครบถ้วน พร้อมเงินค่าธรรมเนียม 1,130 บาท ( รวมค่าถ่ายรูป , ค่าเขียนคำร้อง , ค่าอากรแสตมป์ และค่าส่งทางไปรษณีย์ ) โดยใช้เวลาตั้งแต่ยื่นคำร้องจนถึงเสร็จสิ้นขึ้นตอนทั้งหมด ประมาณ 30 นาที 
 

ขั้นตอนการยื่นขอหนังสือเดินทาง
1.ถ่ายรูป ( ชำระค่าถ่ายรูป 75 บาท ) แล้วรอรับคำร้อง 
2.ชำระค่าธรรมเนียม 1,000 บาท
3.จ่ายเงินค่าเขียนคำร้อง 10 บาท ค่าอากรแสตมป์ 5 บาท
4.นำคำร้องที่ปรากฎรูปถ่ายไปให้เจ้าหน้าที่เขียนคำร้อง 
5.ยื่นคำร้องที่กรอกข้อความเรียบร้อยแล้วตามช่องที่กำหนดแล้วรอรับใบรับเล่มและใบเสร็จรับเงิน 
6.ติดต่อขอส่งหนังสือเดินทางทางไปรษณีย์ค่าบริการ 40 บาท
7.ท่านจะได้รับหนังสือเดินทางภายใน 10 วันทำการ 

เอกสารเพิ่มเติมตามความจำเป็นแล้วแต่กรณี
       - ใบเปลี่ยนชื่อและสกุล 
       - ทะเบียนสมรส
       - ทะเบียนหย่า 
       - ทะเบียนการรับบุตรบุญธรรม 
       - ทะเบียนการรับรองบุตร 
       - ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวของบิดาและมารดา หมายเหตุ : เอกสารทุกฉบับต้องนำต้นฉบับมาพร้อมสำเนา 1 ชุด 

วิธีการขอรับการตรวจลงตราวีซ่ามี 2 วิธีคือ 
1.การขอโดยการพิจารณาล่วงหน้า สามารถขอวีซ่าได้ด้วยตนเอง ณ สถานฑูตหรือสถานกงศุลญี่ปุ่น ขั้นตอนค่อนข้างเสียเวลานานเพราะจะรวมถึงการส่งเอกสารไปมาจากญี่ปุ่น รวมทั้งระหว่างสถาบันในประเทศญี่ปุ่นด้วย
2.การขอโดยใช้หนังสือแสดงสถานภาพการอยู่อาศัยในญี่ปุ่น หลังจากนักศึกษาหรือผู้แทนได้รับใบรับรองสถานภาพการอยู่อาศัยในญี่ปุ่นแล้ว นักศึกษาสามารถใช้ใบรับรองนี้เพื่อขอวีซ่าได้ที่สถานฑูตหรือสถานกงศุลญี่ปุ่น ซึ่งวิธีนี้ค่อนข้างง่ายและรวดเร็ว 

ข้ออนุญาติศุลกากร
       การนำเข้าสิ่งของโดยปลอดภาษี ของใช้ส่วนตัวและอุปกรณ์ประกอบอาชีพสามารถนำเข้าไปในญี่ปุ่นได้โดยปลอดภาษี นอกจากนี้ท่านยังสามารถนำเข้าโดยปลอดภาษีมีบุหรี่ 400 มวน ยาสูบ 500 กรัม หรือซิการ์ 100 มวน เครื่องดื่มมี อัลกอฮล์ 3 ขวด น้ำหอม 2 ออนซ์ ตลอดจนของที่ระลึก ซึ่งตีราคารวมกันแล้วไม่ถึง 200,000 เยนหรือเทียบเท่า บุคคลที่อายุยังไม่ถึง 19 ปี และอายุเพียง19 ปี ไม่อนุญาตให้นำเข้าบุหรี่หรือเครื่องดื่มมีอัลกอฮล์ .

สิ่งของต้องห้ามในการนำเข้าประเทศญี่ปุ่น
1.ฝิ่น กัญชา และยาเสพติดทุกประเภท ยากระตุ้นประสาท( รวมไปถึงยาดมด้วยเช่นกัน) 
2.อาวุธ
3.สื่อที่อาจเป็นอันตรายต่อสาธารณชน หรือขัดต่อศีลธรรม เช่นสื่อลามก ( หนังสือ / วิดีโอ / ภาพถ่าย และอื่น ๆ)
4.เหรียญปลอม ธนบัตรปลอม ของที่ละเมิดลิขสิทธิ์ เช่นของเทียม ลอกเลียนแบบ 
5.สัตว์ป่าและพืช รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสัตว์ป่าและของป่า หากจะนำสัตว์หรือพืช (รวมถึงเมล็ดพันธุ์และผล) เข้าญี่ปุ่น จะต้องผ่านด่านการตรวจเช็คและควบคุมโรคอย่างละเอียด 
 

เงินตราและบัตรเครดิต / ตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยน 
       สกุลเงินของประเทศญี่ปุ่น ใช้สกุลเงินเยน สัญลักษณ์ลาตินคือ ¥  เงินเหรียญที่ใช้มีตั้งแต่ 1, 5 , 10 , 50 , 100 และ 500 เยนตามลำดับ ส่วนธนบัตรมีตั้งแต่ 1,000 , 2,000 , 5,000 และ 10,000 เยน ซึ่งสกุลเงินของญี่ปุ่นเป็นสกุลเงินที่มีการใช้กันอย่างกว้างขวางทั่วโลก โดยนิยมเก็บเป็นเงินสำรอง รองลงมาจาก ดอลลาร์สหรัฐ และเงินยูโร คำว่าเยน คนญี่ปุ่นมักจะอ่านออกเสียงว่า เอ็น อย่างไรก็ตามการอ่านออกเสียง เยน ถือเป็นชื่อมาตรฐานใช้กันทั่วโลก  

ตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนเงินเยน (YEN)

การเดินทาง
         ประเทศญี่ปุ่นมีความเจริญก้าวหน้าทางด้านการคมนาคมมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านรถไฟ ที่คลอบคลุมเกือบทุกจุดหมายและมีบริการอยู่ทุกหนทุกแห่งทั่วประเทศ โดยเฉพาะรถไฟความเร็วสูง นอกจากนี้ยังมีทางหลวง และบริการการบินภายในประเทศ และมีรถบัสหรือแท๊กซี่เป็นบริการเสริมเชื่อมในและรอบเมืองต่างๆ ขณะที่เรือเฟอรี่ก็มีบริการเชื่อมระหว่างเมืองท่าโตเกียว โอซาก้าและโกเบกับเมืองท่าหลักบนเกาะฮ็อกไกโด คิวชู และชิโคขุ หลายเส้นทาง
การคมนาคมขนส่งหลักของประเทศญี่ปุ่น
 - สายการบินในประเทศ ได้แก่บริษัทสายการบิน เจแปนแอร์ไลน์ส (JAL) และออลนิปปอนแอร์เวย์ส (ANA)
 - (Bullet) ชินคันเซ็น เป็นรถไฟที่มีความเร็วที่สุดในโลกโดยมีความเร็วเฉลี่ย 262 กิโลเมตร/ชั่วโมง ชินคันเซ็นตรงต่อเวลา ราบเรียบและเชื่อถือได้ ชินคันเซ็นมีทั้งหมด 6 สายในญี่ปุ่นโดยมีจุดเริ่มต้นที่โตเกียว (Tokyo)
 - บริการรถไฟด่วน JR NIRITA EXPRESS เป็นบริการที่สะดวกรวดเร็ว และไปได้ถึงสถานีปลายทางในโตเกียว คือ สถานีโตเกียว สถานีชินจุกุ และสถานีอิเคบุคุโระ อีกทั้งสถานีโยโกฮะมะด้วย
 - บริการรถด่วนและรถเร็ว KEISEI สามารถใช้บริการได้ที่สถานี Keisai Narita ชั้นใต้ดิน B 1 F ไปเชื่อมต่อกับสาย JR ได้ที่สถานีนิปโปริ
 - รถเช่า มีบริการตามสถานีในเมืองใหญ่และสนามบินซึ่งผู้ใช้บริการต้องมีใบขับขี่สากลและต้องติดต่อเองโดยตรงเมื่อถึงญี่ปุ่น
 - เรือเฟอรี่และเรือสำราญท่องเที่ยว(ครูซ) เชื่อมโยงเกาะต่างๆเข้าด้วยกัน เส้นทางที่ใช้กันมาก็คือ เส้นทางจากโตเกียวไปยังท่าเรือทางเหนือ บนเกาะฮ็อกไกโด และทางใต้ก็มีบริการไปไกลจนถึงหมู่เกาะโอกินาวา
 - แท็กซี่ สำหรับการเดินทางในเมืองใหญ่ๆ แท็กซี่เป็นบริการที่สะดวก ใช้ง่าย การโบกเรียกแท็กซี่ ท่านจะต้องดูเสียก่อนว่า ไฟแดงที่มุมล่างขวาของกระจกกันลมหน้ารถนั้นมีแสงไฟหรือไม่ ถ้าไฟไม่ใช้สีแดง แต่เป็นสีอื่น แสดงว่า รถคันนั้นยังไม่ว่าง เพราะมีคนเรียกอยู่หรือจองอยู่ ในญี่ปุ่นไม่มีประเพณีให้ทิป ท่านชำระเพียงค่าโดยสารตามมิเตอร์เท่านั้น
 

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของ ญี่ปุ่น

แบ่งตามฤดูกาลได้ดังนี้

         ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์) เป็นฤดูแห่งการเพลิดเพลินกับหิมะฤดูหนาวในญี่ปุ่นไม่ค่อยรุนแรง ยกเว้นทางเหนือสุด อุณหภูมิโดยปกติจะอบอุ่นด้วยแสง อาทิตย์และฟ้าสีครามอีกด้านหนึ่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เทศกาลต่าง จะเกี่ยวพันกับหิมะและน้ำแข็ง นักท่องเที่ยวจะ เพลิดเพลินกับหิมะและรูปแกะสลักและมีส่วนร่วมในประเพณีท้องถิ่นตามฤดูนั้น เทศกาลงานต่างๆ ทั่วญี่ปุ่นถูกจัดขึ้นต่อเนื่อง กับเทศกาลปีใหม่อันเป็นวันสำคัญที่สุดสำหรับชาวญี่ปุ่น 

1. 15 – 18 ธ.ค. เทศกาล อ็อง มัตสุริ (On Matsuri) ของศาลเจ้าคะซึกะ ของเมืองนารา จะมีขบวนแห่สวมหน้ากาก 
2. 17 – 19 ธ.ค. งานฮะโกอิตะ อิชิ (Hagoita –lchi) ของวัดอะซะคุซะคันนอน ในโตเกียว มีการออกร้านขายไม้ตีลูกขนไก่โบราณ 
3. 31 ธ.ค.งานไหว้พระ (OTERAMAIRI)  ที่ศาลเจ้ายะซะกะ ในเกียวโต มีพิธีไฟศักดิ์สิทธิ์ 
4. 1 ม.ค. วันปีใหม่ (New Year’s Day) ร้านค้า โรงงาน ธุรกิจต่างๆ จะปิด ครอบครัวต่างๆ จะฉลองด้วยอาหารมื้อพิเศษแต่งชุดกิมโมโนที่สวยที่สุด และจะพากันไปวัดหรือศาลเจ้า เพื่อไหว้พระขอพรให้สุขภาพดี และมีความสุขตลอดปี
5. 6 ม.ค.วันทำพิธีดับเพลิง (Dezomeshiki) ชมขบวนสาธิตการดับเพลิงในโตเกียว โดยมีตัวแทนพนักดับเพลิงงานแสดงโลดโผนบนยอด  บันไดช่วยหนีไฟ
6. กลางเดือน ม.ค. การแข่งขันซูโม่รอบแรกในโตเกียวก่อนวันบรรลุนิติภาวะ (Day Before Coming of Age Day) เทศกาลเผาหญ้าบนเขา Wakakusa   Yama ในเมืองนารา
7. ต้นเดือน ก.พ. เทศกาลหิมะ (Snow Festival) ที่มีชื่อที่สุดในญี่ปุ่น ที่เมืองซัปโปโร บนเกาะฮ็อกไกโด มีรูปแกะสลักหิมะและน้ำแข็งอันมหึมา    ต่างๆ มากมายจากทั่วโลกมาประชันและแข่งขันกันทุกปีต้นหรือ
8. 3 - 4 ก.พ. เทศกาลโปรยถั่ว (Setsubun Matsuri) เป็นพิธีไล่สิ่งอัปมงคลทำกันตามวัดใหญ่ทั่วประเทศ 
9. 3 - 4 ก.พ. เทศกาลแห่โคม (Lantern Matsuri) ของศาลเจ้าคะซึกะ ในเมืองนารา
10. 15 - 16 ก.พ. เทศกาลคะมะคุระ (Kamakura Matsuri) ของเมืองโยโคเทะในอะคิตะ มีกระท่อมหิมะที่สร้างบูชาเทพเจ้าแห่งน้ำ

         ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน) เป็นฤดูแห่งการเก็บเกี่ยวและใบไม้เปลี่ยนสี เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงในเดือนกันยายน และตุลาคม เป็นเดือนที่น่าเพลิดเพลินกับความเย็นสบายในฤดูนี้ นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงแห่งสีสรรเป็นสีเหลืองส้ม แต่งเติมขุนเขาราวกับสีสรรแห่งพรม และทุ่งนาเปลี่ยนเป็นสีทองเป็นเวลาแห่งเทศกาลและกีฬาได้มาบรรจบกับกิจกรรมทางวัฒนาธรรมทั่วประเทศ งานเทศกาลดอกเบญมาศซึ่งแสดงอยู่ทั่วประเทศเป็นสัญญาลักษณ์หนึ่งของฤดูนี้

11. 16 ก.ย.  งานแสดงขี่ม้ายิงธนู (Yabusame)  ที่ศาลเจ้าทซึรุหงะโอกะ ฮะจิมังงู ที่เมืองคะมะคุระ
12. 7 - 9 ต.ค. เทศกาลคุนจิ (Kunchi Matsuri) ของศาลเจ้าซูวะในเมืองนางาซะกิ มีระบำมังกรจีนดั้งเดิม
13. 9 - 10 ต.ค. เทศกาลทะคะยะมะ (Takayama Matsuri)  แห่งศาลเจ้าฮาจิมังงุ ซึ่งมีขบวนรถสีสรรต่างๆมากมาย
14. กลางเดือน ต.ค. เทศกาลเมืองนาโงย่า (Nagoyo City Matsuri) มีขบวนพาเหรดซามูไรตามถนนในเมือง
15. กลางเดือน ต.ค. - พ.ย. เทศกาลดอกเบญจมาศ ที่ศาลเจ้าเมหยิและวัดอซะคุซะ ในโตเกียว
16. 17 ต.ค.  เทศกาลฤดูใบไม้ร่วง (Autumn Matsuri) ของศาลเจ้าโทโซงุ ที่เมืองนิกโก้ มีขบวนพาเหรดของนักรบโบราณในชุดเสื้อเกราะติดตามขบวน
17. 22 ต.ค. เทศกาลยุคสมัย (Jidai Matsuri) เป็นเทศกาลของศาลเจ้าเฮอันในโตเกียวซึ่งเป็นหนึงใน 3 เทศกาลใหญ่ของเกียวโต
18. 22 ต.ค. เทศกาลไฟ จะมีขบวนแห่คบเพลิงมุ่งมายัง ศาลเจ้ายุคิคุระมะในเกียวโต
19. 2 - 4 พ.ย. เทศกาลโอคุนจิ (Okunchi Matsuri) ของศาลเจ้าคะระทจึในเมืองจะซะหงะ จะมีขบวนพาเหรดที่มีสีสรร
20. 15 พ.ย. เทศกาลเจ็ดห้าสาม สำหรับเด็กอายุ 3, 5 และ 7 ปี จะไปศาลเจ้าเพื่อขอพรจากเทพเจ้าให้มีสุขภาพดีตลอดไป
 

          ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม) เป็นฤดูกาลแห่งดอกไม้ไฟที่อุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์พร้อมความเขียวขจีทั่วประเทศ ใบเขียวของ ซะกุระ เมเปิ้ล โอ๊ค ในป่าเขาที่ตัดกับสีเขียวเข้มของต้นสน และต้นไผ่ที่โอนอ่อนตามสายลมในตอนกลางวันและยามค่ำคืน ตามริมแม่น้ำในเมืองต่างๆ ทุกภาคจะเป็นจุดนัดพบของชาวชนบทตามท้องถิ่นและของเพื่อนผู้มาเยือนเทศกาลฤดูร้อนทั่วญี่ปุ่นเพื่อร่วมชมเทศกาลดอกไม้ไฟอย่างมีสีสรรและชีวิตชีวา และชมระบำพื้นเมือง “Bon Odori”

21. กลาง มิ.ย.  เทศกาลซันโน(Sunno Matsuri) ที่ศาลเจ้าอิเอะ ในโตเกียวมีการแห่ศาลเจ้าผ่านถนนในย่านอะซะกุซะ
22. เสาร์ที่ 2 ของมิ.ย. เทศกาลม้า (Chagu – Chagu Umakko Horse Festival)ในเมืองโมริโอกะ มีแห้ขบวนม้าประดับอย่างมีสีสรร
23. 7 ก.ค. เทศกาลดวงดาวหรือเทศกาลทานาบะตะ(Tanabata Festival) จัดขึ้นทั่วญี่ปุ่น แต่ที่เมืองเซนไดอย่างยิ่งใหญ่ และมีชื่อเสียงมากที่สุด มีการประดับโคมกระดาษหลากสีสวยงาม
24. 13 - 15 ก.ค.เทศกาลบน(Bon Festival) จัดทั่วประเทศ เป็นพิธีทางศาสนา เพื่อระลึกถึงดวงวิญญาณที่ล่วงลับไปแล้ว โดยมีการเต้นระบำโบราณ BON ODORI เพื่อระลึกถึงดวงวิญญาณเหล่านั้น
25. 14 ก.ค. เทศกาลไฟ (Nachi Shrine No Himatsuri) ที่ศาลเจ้านะจืคะจึระในเมืองวะกะยะมะ มีการแบก 12 คบเพลิงขนาดใหญ่ โดยนักบวชในชุดขาว
26. 16 - 17 ก.ค. เทศกาลกิออน (Gion Matsuri) เป็นเทศกาลย้อนยุคไปในศตวรรษที่ 9 ที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียว จะมีขบวนแห่ชุดแต่งกายโบราณผ่านถนนสายหลักหลายสาย ก.ค. หรือ ส.ค. เทศกาลดนตรี (Kangensai Music) ของศาลเจ้า Itsukushima ใกล้เมืองฮิโรชิม่า มีการรำประกอบดนตรีราชสำนัก
27. 24 - 25 ก.ค. เทศกาลเทนยิน (Tenjin Matsuri) ของศาลเจ้าเทนมันงู ในโอซาก้า มีขบวนแห่ศาลเจ้าบนเรือเหนือลำน้ำโตจิมะ
28. 1 - 7 ส.ค. เทศกาลเนบุตะ (Nebuta Matsuri) มีขบวนแห่โครงหุ่นประดับไฟ ในเมืองอะโอโมริ (2-7 สิงหาคม) เมืองฮิโรซะกิ จัดช่วง (1 – 7 สิงหาคม)
29. 3 - 6 ส.ค. เทศกาลคันโต (Kanto Matsuri) ในเมืองอะคิตะ มีขบวนแห่แผงโคมไฟที่แขวนบนราวไม้ไผ่
30. 5 – 7 ส.ค. เทศกาลฮะนะงะซะ(Hanagasa Matsuri) ในเมืองยะมะงะตะ มีขบวนฟ้อนรำของชาวเมือง เป็น 10,000 คน ในชุดหมวกฟางติดดอกไม้เทียม ซึ่งเป็นชุดประจำเทศกาล
31. 12 – 15 ส.ค.  เทศกาลระบำอาว่า (Awa Odori Folkdance Festival) ที่เมืองโทคุชิมะ มีการร้องรำทั้งกลางวันและกลางคืน
32. 16 ส.ค. งานไดมอนหยิบอนไฟ (Daimonji Bonfire) เป็นเทศกาลเพื่อส่งดวงวิญญาณผู้ล่วงลับไปแล้วโดยการเผาไฟ บนเนินเขาซึ่งเห็นได้จากตัวเมืองเกียวโต 

         ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม) เป็นฤดูดอกไม้บาน จากวันแรกของต้นมีนาคมที่ดอกเหมยบานกระทั่งวันสุดท้ายของพฤษภาคมเมื่อดอกซะกุระทางตอนเหนือโรยจากต้น ฤดูนี้เป็นเวลาเริ่มต้นของธรรมชาติอันสดใสงดงามซึ่งมีการฉลองเทศกาลท่ามกลางธรรมชาติทั่วญี่ปุ่น

33. 3 มี.ค. เทศกาลฮินะมัตสุริ (Hina Matsuri) เป็นเทศกาลวันเด็กผู้หญิงจะมีการตกแต่งตุ๊กตาที่แต่งกายแบบพระราชสำนักบนหิ้งเป็นชั้น ๆในบ้านที่มีลูกสาวยังเด็กอยู่
34. 13 มี.ค. เทศกาลคะซูกะ(Kasuga Matsuri) ของศาลเจ้าคะซูกะในเมืองนารา มีการฟ้อนรำโบราณที่มีอายุเก่าแก่กว่า 1,000 ปี
35. 1-30 เม.ย. ระบำมิยะโกะ หรือระบำซากุระ ที่เกียวโต เป็นระบำญี่ปุ่นที่แสดงโดยนักฟ้อนรำที่เรียกว่า “ไมโกะ” (Maiko)
36. 8 เม.ย. เทศกาลถวายดอกไม้ (Hana Matsuri) ตามวัดพุทธต่างๆเพื่อระลึกถึงวันประสูติของพระพุทธเจ้า
37. 14 – 15 เม.ย. เทศกาลทะคะยะมะ (Takayama Matsuri) ของศาลเจ้าฮิเอะ ในเมืองทะคะยะมะ ชมขบวนรถแห่งศาลเจ้าอันตระการตา
37. 6 – 17 เม.ย. เทศกาลยะโยอิ (Yayoi Matsuri) ที่ศาลเจ้าฟุตะระซัน ในเมืองนิกโก้ มีขบวนแห่ตกแต่งสวยงาม
38. 3 – 4 พ.ค. เทศกาลฮะคะตะ โดนทะคุ(Hakata Dontaku) ในเมืองฟุคุโอกะ มีขบวนแห่เทพเจ้าบนหลังม้า ตามตำนานญี่ปุ่น
39. 3 – 5 พ.ค. เทศกาลแข่งว่าว ที่เมืองฮะมะมัตสึ เป็นสนามแข่งว่าวที่มีการแข่งขันว่าวขนาดใหญ่ที่สุด
40. 5 พ.ค. เทศกาลวันเด็กผู้ชาย จะมีการประดับธงปลาคาร์พหลากสี ตามจำนวนลูกชายของแต่ละบ้าน ซึ่งจะโบกสะบัดโต้ลมฤดูใบไม้ผลิอย่างสวยงามมาก
41. 11 พ.ค.- 15 ต.ค. เทศกาลจับปลาโดยนกกาน้ำ ในแม่น้ำนะงะระงะที่เมืองเซคิในจังหวัดกิฟุ
42. 15 พ.ค. เทศกาลอะโออิ(Aoi Matsuri) ที่เมืองเกียวโตจะมีขบวนแห่บุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์โบราณพร้อมขบวนรถที่มีพรรณไม้ดอกหลากสีอันสวยหรู
43. 17 - 18 พ.ค. เทศกาลใหญ่ของศาลเจ้า โทโซงุ  ที่เมืองนิกโก้ จะมีขบวนแห่นักรบกว่า 1,000 คน
44. อาทิตย์ที่ 3 ของ พ.ค.  เทศกาลมิฟูเน่ (Mifune Matsuri) มีแห่ขบวนเรือโบราณบนแม่น้ำโออิ ในเกียวโต
45. อาทิตย์ที่ 3 ของ พ.ค. เทศกาลซันจะ (Sanja Matsuri) ของศาลเจ้าอะซะกุซะในโตเกียว มีการแห่ศาลเจ้าใหญ่ๆ 3 ศาล อีกทั้งย่อยๆอีกนับร้อยกว่าศาล 
 

เทศกาลที่น่าสนใจในประเทศญี่ปุ่น
         เทศกาลปีใหม่ หรือ (Hatsumode) ผู้คนจำนวนมากไปวันชินโต หรือวัดพุทธในวันขึ้นปีใหม่ หลังจากที่วัดตีระฆังส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ หรือไปวัดกันในสัปดาห์แรกของวันปีใหม่ ผู้คนจะโยนเงินลงในกล่องและอธิษฐานขอให้มีสุขภาพแข็งแรง หลังจากไหว้พระแล้วก็จะพากันไปซื้อโอมาโมริ(Omamori) ซึ่งถือเป็นเครื่องรางนำโชค และเสี่ยงเซียมซีเพื่อดูโชคชะตา ว่าโชคจะดีหรือร้าย หากใบที่ได้ไม่ดีหลังจากที่อ่านแล้วก็จะผูกไว้ที่กิ่งไม้ที่วัน เพื่อขอให้โชคชะตาดีขึ้น 
         เทศกาลหิมะ (Yukimutsuri) จัดที่เมืองซับโปโรบนเกาะฮอกไกโดจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เป็นเวลา 1 สัปดาห์ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ที่ใจกลางเมืองจะมีรูปปั้นหิมะขนาดใหญ่ประมาณ 200 ชิ้น เรียงรายกันอยู่ ซึ่งบางชิ้นมีขนาดสูงกว่า 15 เมตร นอกจากที่เมืองซับโปโรแล้วยังมีอีก2 แห่งคือที่ซูซูกิโนะ(Susukino) เป็นรูปปั้นน้ำแข็งและที่มาโกมาไน(Makomanai)
         เทศกาลตุ๊กตา(Hinamatsuri)  ในราวกลางสมัยเอโดะ ค.ศ.1603-1867ผู้คนนิยมทำตุ๊กตาอย่างปราณีตและประดับตกแต่งภายในบ้านโดยที่บนหิ้นจะปูด้วยพรหมสีแดง ตุ๊กตาชุดหนึ่งจะประกอบด้วยตุ๊กตา 15 ตัว 
         เทศกาลชมดอกไม้(Ohanami) วัดคิโยมิซึในโตเกียวเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมในการชมซากุระบานในฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งดอกซากุระถือเป็น”ดอกไม้ประจำชาติ” ของคนญี่ปุ่น โดยที่กรมอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่นจะพยากรณ์และประกาศอย่างเป็นทางการถึงกำหนดที่ซากุระจะบาน แม้ว่าวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นจะวุ่นวายแต่เมื่อถึงเทศกาลชมดอกไม้ ผู้คนที่ญี่ปุ่นก็จะพากันออกพักผ่อน สังสรร และมาชมดอกซากุระบานกันอย่างมากมาย
 

โตเกียวดิสนี่ย์แลนด์
         โตเกียวดิสนีย์แลนด์เป็นสวนสนุกดิสนีย์แห่งแรกที่สร้างนอกอเมริกา เริ่มเปิดดำเนินการเมื่อ 15 เมษายน 1983 เพียง 1 เดือนให้หลังมีคนเข้าไปใน park ครบ 1 ล้านคน ใน วันที่ 23 พฤษภาคม 1983 และครบ 10 ล้านคน ในวันที่ 2 เมษายน 1984 จนถึงปัจจุบันอาจพูดได้ว่าคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่เคยไปเที่ยวโตเกียวดิสนีย์แลนด์แล้วอย่างน้อย 1 ครั้ง (ถ้าถามเด็กญี่ปุ่นที่อยู่ต่างจังหวัดว่า ถ้าได้ไปโตเกียวอยากจะไปเที่ยวที่ไหน คำตอบที่น่าจะเดาได้เลย คือ โตเกียวดิสนีย์แลนด์) ซึ่งเด็กๆ ที่อยู่ในแถบคันโต (รอบๆ โตเกียว) จะมาเที่ยวได้ง่ายกว่าเด็กๆ ที่อยู่ต่างจังหวัดไกลๆ เพราะสามารถไป-กลับได้ในวันเดียว แต่ถ้าจะต้องค้างคืน ทางโตเกียวดิสนีย์แลนด์ก็สร้างโรงแรมใหญ่ๆ ไว้บริการ 5 แห่ง (สามารถจองที่พักได้ทางเว็บไซต์ www.tokyodisneyresort.co.jp แล้วคลิกที่ hotel information) ในวันหยุด เสาร์อาทิตย์ หรือวันหยุดราชการจะมีคนไปเที่ยวกันเยอะมาก เป็นหลักหมื่นจนถึงแสนคน จึงไม่แนะนำให้ไปในวันหยุด (ถ้าไม่จำเป็น) 
 

การชงชา จัดดอกไม้ และจัดสวน
         วัฒนธรรมการชงชา การจัดดอกไม้ และจัดสวนแบบญี่ปุ่นนั้น ถือเป็นวัฒนธรรมที่มีเอกลัษณ์เฉพาะตัว  การชงชานั้นมีขั้นตอนมากมาย เป็นการผสานเอาทั้งศาสตร์และศิลป์เข้าด้วยกัน ผู้ชงชาจะต้องบดชาสดจนเป็นผงสีเขียวอ่อนเสียก่อน่พิธีการชงชานั้นก็กระทำอย่างเป็นระบบทำด้วยอาการที่เปี่ยมไปด้วยสติและสัมปชัญญะมีสมาธิจิตควบคุมอย่างเต็มที่ แต่การชงชามิใช่เป็นสิ่งที่ชาวญี่ปุ่นในยุคนี้ทำกันเป็นกิจวัตรประจำวัน มันได้กลายเป็นเรื่องการเสริมสถานะของคนในสังคมชั้นสูงมากกว่า มิได้เป็นเรื่องของชาวบ้านธรรมดาแต่อย่างใด เป็นเรื่องของหญิงที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวต้องเรียนรู้เอาไว้เหมือนการเรียนทำกับข้าวให้เป็น แต่เมื่อแต่งแล้วอาจจะไม่ได้ใช้เลย เด็กสาวสมัยใหม่จึงให้ความสนใจน้อยมากทั้ง ๆ ที่มีสอนกันตามโรงเรียน ส่วนการจัดดอกไม้แบบญี่ปุ่นอาจจะมีการทำกันมากกว่าในหมู่หญิงชาวญี่ปุ่น เพราะไม่เป็นเรื่องยุ่งยากเท่ากับการชงชา

          การจัดสวนญี่ป่น เป็นการจัดสวนแบบหนึ่ง อันเป็นแบบฉบับของญี่ปุ่นเองโดยเฉพาะ แผงด้วยความหมายอันลึกซึ้งเกี่ยวกับความงามตามธรรมชาติ ศาสนา ลัทธิ ประเพณี ปรัชญา ความนึกฝัน ศิลปวัฒนาธรรมและแฝงด้วยความเชื่อถือในโชคลาง
               การจัดสวนแบบญี่ปุ่น นับวันยิ่งจะได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น ในประเทศไทยนิยมจัดสวนแบบญี่ปุ่นกันมากเพราะสวนญี่ปุ่นใช้เนื้อที่ในการจัดสวนไม่มากนัก มีความสวยงามอย่างเรียบ ๆ เหมาะกับนิสัยอันอ่อนน้อมและสุภาพของคนไทย อาจกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า สวนญี่ปุ่นเป็นสวนที่มีความงามอย่างมีศิลปะ


 

แหล่งช็อปปิ้งและกิจกรรมที่ห้ามพลาดที่ ประเทศญี่ปุ่น 

          ร้านค้าและแหล่งจำหน่ายสินค้าต่างๆ โดยทั่วไป เปิดทำการวันเสาร์วันอาทิตย์และวันหยุดราชการอื่นๆด้วย นอกเหนือจากเปิดทำการตามปกติในวันธรรมดา ร้านเปิดเวลา 10.00 น.- 20.00 . อย่างไรก็ดี ห้างสรรพสินค้าจะปิดทำการในวันธรรมดา 1 วันต่อสัปดาห์ และวันหยุดของห้างสรรพสินค้าจะไม่ตรงกันทุกห้าง ร้านค้าของประเภทสินค้าพิเศษบางร้านอาจจะไม่เปิดขายในวันอาทิตย์ และวันหยุดราชการก็ได้ โปรดสังเกตว่า ห้างสรรพสินค้ามักจะเปิดห้างเร็วกว่าร้านค้าอื่นๆ ประมาณ 1 ชั่วโมง (ราวๆ19.00 น.) สำหรับราคาสินค้านั้น ท่านอาจจะเทียบราคาตามร้านเหล่านี้ดูกับร้านที่กำลังลดราคา หรือร้านที่มีการต่อรองราคาได้ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ และหากท่านซื้อสินค้าบางชนิดรวมเป็นเงินกว่า 10,000 เยน ท่านอาจจะได้รับการยกเว้นภาษีผู้บริโภค ได้ในบางกรณี
         ร้านค้าปลอดภาษีสำหรับนักท่องเที่ยว : โปรดนำหนังสือเดินทางติดตัวไปด้วย เวลาซื้อของที่ร้านดังกล่าว การซื้อของปลอดภาษี ทำได้โดยสะดวกที่สุดที่ท่าอากาศยานนานาชาติญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ก็ยังมีร้านค้าบางร้านในเมืองที่ได้รับอนุญาตขายสินค้าปลอดภาษี ซึ่งมีพนักงานพูดภาษาอังกฤษไว้คอยบริการลูกค้า
         กรณีเครื่องใช้ไฟฟ้า : ข้อควรระวังเวลาซื้อก็คือ ตรวจดูให้แน่ใจเสียก่อนว่า กระแสไฟที่ระบุไว้นั้น สามารถปรับให้เข้ากับระบบไฟฟ้าในบ้านเราได้ เพราะในแต่ละประเทศ ระบบของวีดีโอ ไม่เหมือนกัน ดังนั้นโปรดขอคำยืนยันจากผู้ขายก่อนว่าวีดีโอ ที่ท่านจะซื้อนั้นสามารถใช้ได้ในไทยได้
 

จะซื้ออะไรดีที่ญี่ปุ่น ?

เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด
อาทิกล้องถ่ายรูป กล้องถ่ายวีดีโอแบบดิจิตอลรุ่นต่างๆ เป็นสินค้าล่าสุดที่น่าซื้อมาก และกล้องส่องทางไกลตลอดจนอุปกรณ์และเลนส์ต่างในการถ่ายรูปมากมาย เครื่องใช้ไฟฟ้า ทีวีขนาดจิ๋ว เครื่องเล่นซีดี เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัว เครื่องเล่นวีดีโอเทป โทรศัพท์มือถือ เครื่องเล่นบันทึกเทป วิทยุสเตริโอและไฮ-ไฟ นาฬิกาแบบดิจิตอล เครื่องคิดเลขขนาดจิ๋ว จะหาซื้อได้ทั่วไปในญี่ปุ่น สินค้าเหล่านี้ทุกชิ้นมีชื่อเสียงและคุณภาพสูง

นาฬิกา 
นาฬิกายี่ห้อ เซย์โก หรือ ซิติเซ่น เป็นสินค้าที่มีคุณภาพดี อีกทั้งนาฬิกาปลุกรูปทรงการ์ตูนต่างๆ

ไข่มุก 
มีขนาดแตกต่างมากหลากหลายด้วยสี รูปร่าง ขนาด และราคาทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอของสี ขนาด และความมันวาวเป็นสำคัญ

ศิลปหัถกรรม 
สินค้าพื้นเมืองของญี่ปุ่นประเภทนี้ เหมาะเป็นของที่ระลึก ซื้อติดมือกลับบ้านจะมีตามแหล่งท่องเที่ยวแทบทุกแห่งซึ่งผลิตสินค้าพื้นเมืองที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำแบบที่อื่นๆ

ตุ๊กตา 
ตุ๊กตาญี่ปุ่นมีรูปแบบแตกต่างกันมากมายหลายชนิด สะท้อนให้เห็นภาพของภูมิหลังในชนบทหรือท้องถิ่น จะมีจำหน่ายตามเมืองท่องเที่ยวเก่าแก่ เช่น เกียวโต

พัด
พัดด้ามจิ๋ว ชนิดที่ใช้ในการฟ้อนรำแบบญี่ปุ่น หรือใช้ประดับมีความสะดุดตาน่าสนใจ ด้วยวิธีออกแบบและสีสัน

ชุดกิโมโน 
ด้วยฝีมือการยอม การปัก และการทอที่เยี่ยมยอด ซึ่งเป็นสินค้า ชั้นดีราคาสูง

ผ้าไหม
ผ้าไหมญี่ปุ่นมีคุณภาพที่เหนือกว่าที่อื่นทั้งนี้เพราะความชำนาญของช่างย้อมและลวดลายที่ไม่ซ้ำใคร ทำให้ไหมญี่ปุ่นมีความงดงามและเป็นที่นิยมถึงแม้ราคาจะแพง

โคม
โคมกระดาษสีสวยหวานบางเบา และตกแต่งลวดลายอ่อนช้อย โดยเฉพาะที่ผลิตขึ้นในจังหวัดกิฟุ เป็นชนิดที่ใช้สำหรับฤดูร้อน เหมาะแก่การแขวนไว้ที่เพดานระเบียงใต้ชายคา
 

เครื่องเขิน
โคมกระดาษสีสวยหวานบางเบา และตกแต่งลวดลายอ่อนช้อย โดยเฉพาะที่ผลิตขึ้นในจังหวัดกิฟุ เป็นชนิดที่ใช้สำหรับฤดูร้อน เหมาะแก่การแขวนไว้ที่เพดานระเบียงใต้ชายคา
 

 

อาหารญี่ปุ่น

เสน่ห์อีกประการหนึ่งของญี่ปุ่น อาจจะกล่าวได้ว่า อยู่ที่รสโอซะของอาหารอันมีแหล่งผลิตอาหารพื้นบ้าานจากวัตถุดิบธรรมชาติ คือท้องทุ่งนา ไร่ผักผลไม้ เรื่อยไปจนถึงทะเลและมหาสมุทร ซึ่งเรือประมงใช้อวนลากเอาสัตว์น้ำนานาชนิดขึ้นมาปรุงเป็นอาหาร จากความจำเป็นขั้นพื้นฐานของการดำรงชีพ ได้นำไปสู่การค้นคว้าปรับปรุง รสชาติของอาหารและคุณค่าของอาหาร อย่างยาวนานต่อเนื่องมาหลายศตวรรษ พอๆกับการปรับปรุงด้านการให้บริการ ได้ยกระดับขึ้นจนกลายเป็นศิลปอีกชนิดหนึ่ง แม้แต่อาหารพื้นๆธรรมดาๆ ก็ยังมีรสนิยมในการจัดวางบนภาชนะ ให้ดูสวยงามน่ารับประทานที่สุด อาหารจานต่างๆ เช่น ซุซิ หม้อร้อน เทมปุระ หรือไก่ปิ้งเสียบไม้ หรือก๋วยเตี๋ยวน้ำเสิร์ฟใส่ภาชนะก้นลึก เหล่านี้ยืนยันได้ว่า ชาวญี่ปุ่นอุทิศเวลาให้แก่การเสพสุนทรีรสทางตาด้วยชาวญี่ปุ่นชอบที่จะรับประทานปลาดิบ เพราะเป็นความโอชะของอาหารพื้นบ้านอย่างแท้จริงในประเทศนี้ ร้านขาย สุชิ มีมากมายและขายดีที่สุดในบรรดาร้าานอาหารทั่วประเทศแต่ถ้านำปลามาปรุงอาหารจานอื่นๆ ย่อมมิใช่อาหารหลักแน่ๆ ต้องเป็นปลากับข้าวสุกเท่านั้น จึงจะเหมาะสมที่สุด ท่านอาจจะแปลกใจเมื่อได้ทราบว่า ตำรับการปรุงอาหารญี่ปุ่นนั้นมีมากมายแทบจะนับไม่ถ้วนที่สามารถยืนหยัดต่อต้านวัฒนธรรมอาหารธรรมชาติต่างๆที่หลั่งไหลเข้ามาในญี่ปุ่นอย่างท้วมท้น ได้เป็นอย่างดี ภัตตาคารและร้านอาหารต่างๆ  บริการอาหารรสชาติเยี่ยม โดยมีราคาแตกต่างกันกว้างมาก จากชนิดราคาแพงที่สุด ลงไปจนถึงแพงพอจะซื้อหารับประทานได้ ท่านยังสามมารถที่จะวางใจได้ในเรื่องบริการที่ไม่มีข้อตำหนิใดๆ ตลอดจนมาตรฐานด้านสุขอนามัยที่สูงสุดและน้ำประปาจากก๊อกที่สะอาดปลอดภัยสามารถดื่มได้ทันที


แหล่งร้านอาหารที่น่าสนใจ

 1. ภัตตาคารระดับ ไฮ-คลาส: ตั้งต้นจากความโอชะเยี่ยมเลอเลิศที่สุดของอาหารจีนไปจนถึงระดับสุดยอดความอร่อยของอาหารฝรั่งเศส เทียบดูแล้วภุตตาคารชั้นเยี่ยมของญี่ปุ่นก็ไม่เป็นรองใคร ส่วนใหญ่ภัตตาคารญี่ปุ่นระดับนี้ จะตั้งอยู่ในโรงแรมที่ดีที่สุดหรือในย่านแฟชั่นหรูโก้เก๋ของชุมชนใหญ่ๆ เช่น ถนนกินซ่า ในโตเกียว ย่านรบป็องหงิ หรืออะกาซากะ

 2. ภัตตาคารที่ลูกค้าแน่นมาก: ยังมีภัตตาคารอีกมากมายที่ราคาพอสู้ได้ ตามอาคารบริษัทห้างร้านและสำนักงาน ที่เป็นตึกใหญ่ มักจะมีภัตตาคารอยู่ที่ชั้นใต้ดินหรือตามชั้นที่มีแต่ร้านอาหารชั้นใดชั้นหนึ่งในห้างสรรพสินค้า หรือศูนย์การค้าในเมืองใหญ่ ตลอดจนย่านร้านค้าใต้ดิน ตามสถานีรถไฟที่จอแจคึกคักทั้งวัน มื้อเที่ยงวันพนักงานบริษัทห้างร้านจะคลาดคล่ำกันอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ๆ ตามร้านอาหารเหล่านี้ เขามักจะนิยมสั่งอาหารชุด เรียกว่า เทโชคุ ซึ่งเป็นอาหารจัดวางมาบนถาดครบชุดต่อคน ร้านอาหารในย่านอาหารราคาไม่แพง ส่วนมากมักจะมีตัวอย่างอาหารเป็นจานๆ ทำด้วยพลาสติกเหมือนของจริง มีป้ายบอกราคาติดไว้เสร็จ จัดวางไว้ในตู้กระจกโชว์ด้านนอกตรงใกล้ประตูเข้า หากท่านไม่ทราบว่าจะสั่งอาหารชื่ออะไร ก็เพียงแต่ชี้ไปยังจานที่ต้องการลองชิม บางร้านอาหารมีเมนูชื่ออาหารทั้งภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษ

 3. โรบาตะยะกิ พับ : คือร้านขายอาหารทะเลและอื่นๆ ปิ้ง-ย่างบนเตาถ่าน เปิดโล่งตรงหน้าลูกค้า และมักจะเสิรฟโดยใช้ช้อนด้ามยาวส่งอาหารที่ย่างสุกแล้วไปลงในจานของลูกค้า

 4. บาร์อะกาโจจิน : ได้ชื่อมาจากโคมสีแดงแขวนอยู่หน้าร้าน ตรงประตูเข้า ขายสุราและเครื่องดื่มหลายประเภท และอาหารตามเมนู  ยะกิโทริย่า คือพับแบบญี่ปุ่นที่ขายไก่และเนื้อสัตว์อื่นๆชิ้นเล็กๆ พอหนึ่งคำเสียบไม้ปิ้งไฟ พับชนิดเป็นสาขามีเครือข่ายกว้าง ได้แก่ ซุยชิน โยะโระโนะทะกิ ทซึโบฮะจิ และเท็งงู ร้านเหล่านี้ขายอาหารหลากหลายชนิด พร้อมเครื่องดื่ม และในเรื่องราคา นับว่าค่อนข้างปลอดภัยต่อกระเป๋าของท่าน

 5. อิซะกะยะ ร้านเหล้าที่ขายอาหารแบบญี่ปุ่นสำหรับท่านที่กำลังเร่งรีบจะไป ซุ้มขายบะหมี่ หรือร้านคอฟฟี่ ร้านอาหารฟาสท์ฟู้ด และเครื่องขายของแบบกดปุ่มอัตโนมัติ มีบริการขายอาหารและเครื่องดื่มอีกหลากหลายในราคาถูกมากด้วย ตามร้านอาหารส่วนใหญ่ ก่อนจะออกจากร้านท่านจะจ่ายเงินค่าอาหาร มีบางร้านไม่มากนัก ที่ให้ท่านซื้อคูปองอาหารก่อนแล้วยื่นให้แก่พนักงานเสิร์ฟ การชำระเงินต้องใช้เงินสด ยกเว้นในกรณี เขายอมรับบัตรเครดิต ร้านอาหารราคาไม่แพงคอฟฟี่ และร้านอาหารฟาสท์ฟู้ด ยอมรับแต่เงินสดเท่านั้น

 

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในประเทศญี่ปุ่น

 - ไปไหนมาไหนในญี่ปุ่น ต้องพกผ้าเช็ดหน้าหรือกระดาษทิชชูเสมอ ร้านอาหารในญี่ปุ่นจำนวนมากไม่บริการผ้าเช็ดมือ มีบริการแต่เพียง “โอชิโบริ”เท่านั้น (ผ้าร้อนเช็ดมือ)
- ส้วมสาธารณะตามริมถนน หรือในสถานีรถไฟ มิใช่จะมีกระดาษชำระหรือกระดาษเช็ดมือไว้บริการทุกแห่งเสมอไป
- โรงแรมระดับดีจะมีอุปกรณ์ใช้ส่วนตัวบางอย่างให้ใช้ฟรี โดยไม่จำเป็นต้องเช่าได้แก่ เครื่องเป่าผม และเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า 
- น้ำก๊อกในญี่ปุ่นทุกแห่งปลอดภัยดื่มได้ น้ำแร่มีจำหน่ายทั่วไป

 

Share on social networks