เที่ยวตุรกีเดือนไหนดี พร้อมลิสต์ 10 จุดเที่ยวตุรกีห้ามพลาด

[ทัวร์ตุรกี]

เที่ยวตุรกีเดือนไหนดี พร้อมลิสต์ 10 จุดเที่ยวตุรกีห้ามพลาด
“ตุรกี” ดินแดน 2 ทวีป ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่ยุค 2,500 ปี ก่อนคริสตกาล นั่นทำให้ทุกคนสามารถพบเจอกับกับอารยธรรมโบราณ สถาปัตยกรรมอันแสนคลาสสิก ผสานกับวัฒนธรรมยุคใหม่ได้อย่างลงตัว แล้วควรเที่ยวตุรกีเดือนไหนดี? มีที่ไหนในการเที่ยวตุรกีห้ามพลาดบ้าง GuruTrip รวมเอาไว้ให้แบบครบครันถึง 10 จุดปักหมุดกันเลยทีเดียว! 


เที่ยวตุรกีเดือ นไหนดี? มีคำแนะนำมาบอก
จริง ๆ แล้วการไปเที่ยวตุรกีสามารถไปได้ตลอดปี ขึ้นอยู่กับนักท่องเที่ยวว่าชอบฟิลบรรยากาศแบบไหน โดยแต่ละฤดูกาลของประเทศนี้ก็มีความแตกต่างกันออกไป

  • ฤดูหนาว ช่วงเดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ อุณหภูมิ -3 – 10 องศาเซลเซียส
     ❄ ตอบโจทย์คนท้าทายความหนาวเย็น บรรยากาศปกคลุมด้วยหิมะ บางพื้นที่มีฝนตกชุก 
  • ฤดูใบไม้ผลิ ช่วงเดือนมีนาคม - พฤษภาคม อุณหภูมิ 10 – 20 องศาเซลเซียส
     🍃 อากาศกำลังเย็นสบาย ชมใบไม้ผลิสวย ถือเป็นช่วง High Season ก็ไม่ผิดนัก
  • ฤดูร้อน ช่วงเดือนมิถุนายน – สิงหาคม อุณหภูมิ 21 – 30 องศาเซลเซียส
     ☀ กลางวันจะมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด แต่กลางคืนจะเย็นลงเล็กน้อย 
  • ฤดูใบไม้ร่วง ช่วงเดือนกันยายน - ตุลาคม อุณหภูมิ 10 – 20 องศาเซลเซียส
     🍂 อ ากาศกลับมาเย็นสบายอีกครั้ง พร้อมชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีสุดตระการตา

เที่ยวตุรกี ต้องขอวีซ่าหรือไม่?
สำหรับคนไทยที่เดินทางไปเที่ยวตุรกีไม่ต้องขอวีซ่าตุรกี ใช้เพียงแค่หนังสือเดินทาง (Passport) ก็สามารถเข้าประเทศตุรกีและอยู่อาศัยได้ไม่เกิน 30 วัน ทั้งนี้สามารถเดินทางเข้าประเทศได้หลายครั้งภายในระยะเวลา 180 วัน โดยอยู่อาศัยรวมไม่เกิน 90 วัน และแต่ละครั้งต้องอยู่อาศัยไม่เกิน 30 วัน

 
เช็กลิสต์ 10 จุดเที่ยวตุรกี มีที่ไหนห้ามพลาดบ้าง
1. คัปปาโดเชีย (Cappadocia)
ที่เที่ยวแห่งแรกอันถือเป็นไฮไลท์ของการเที่ยวตุรกีต้องยกให้กับการขึ้นบอลลูนชมวิวสวย ๆ ของพื้นที่ราบสูงอนาโตเลีย เรียกว่าเห็นกันแบบพาโนรามา 360 องศา กันเลยทีเดียว หรือใครแค่อยู่ด้านล่างก็ถ่ายรูปบอลลูนสวย ๆ หลากสีสันกันได้แบบไม่มีเบื่อ แถมยังโอบล้อมด้วยภูเขาหินอันเป็นดินแดนที่ดูแปลกตา น่าประทับใจแบบไม่รู้ลืมแน่นอน แนะนำให้ไปช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงจะได้วิวสวยงามมากที่สุด


2. มหาวิหารฮาเกียโซเฟีย (Hagia Sophia)
ที่เที่ยวตุรกีแห่งต่อมาหากใครไปทัวร์ตุรกียังไงก็ต้องได้สัมผัสกับ “สุเหร่าโซเฟีย” ตั้งตระหง่านอยู่ในกรุงอิสตันบูลอย่างแน่นอน โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสุดคลาสสิก เดิมทีเป็นโบสถ์ของชาวคริสต์แต่ต่อมามีการปรับปรุงและใช้เป็นสุเหร่าของชาวอิสลาม ด้านในยังมีการจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ พร้อมถูกยกให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางเรียบร้อย


3. ปามุคคาเล (Pamukkale)
อยากไปเยือนตุรกีที่เที่ยวแบบธรรมชาติแนะนำว่าปักหมุดที่นี่กันได้เลย ได้รับสมญานามว่า “ปราสาทปุยฝ้าย” (Cotton Castle) งดงามด้วยแอ่งน้ำสีฟ้าตัดกับหินปูนสีขาวซึ่งเกิดจากธารน้ำใต้ดินที่อัดแน่นด้วยแร่ธาตุมากมายล้นขึ้นมาและจับตัวเป็นแอ่งน้ำน้อยใหญ่ลดหลั่นตามลำดับขั้น อีกทั้งยังสามารถแช่ผิวกับน้ำแร่ธรรมชาติกันได้อีกด้วยนะ ได้สุขภาพที่ดีอย่าบอกใครเลย


4. มัสยิดสีน้ำเงิน (Blue Mosque) 
เที่ยวตุรกีสัมผัสกับความงดงามของสถาปัตยกรรมอันแสนงดงามเกินบรรยาย บางคนจะเรียก “สุเหร่าสีน้ำเงิน” ก็ได้เช่นกัน ถูกสร้างขึ้นตามสไตล์เปอร์เซียด้วยกระเบื้องสีฟ้ามากกว่า 20,000 ชิ้น รวมถึงกระจกโทนสีน้ำเงินที่สร้างความประทับใจกันแบบไม่รู้ลืม ยิ่งใหญ่อลังการ แซมด้วยสีสันต่าง ๆ ให้ดูตระการตาไปอีกขั้น ปัจจุบันยังคงเปิดให้ผู้นับถือศาสนาอิสลามเข้าไปละหมาดได้ตามป กติ และนักท่องเที่ยวต้องแต่งกายสุภาพเท่านั้น


5. นครใต้ดินเมืองไคมักลี (Kaymakli Underground City)
ถือเป็นที่เที่ยวตุรกีสุดแปลกตาไม่เหมือนใคร คล้ายกับการได้หลุดไปอยู่อีกเมืองหนึ่งที่ไม่แตกต่างจากเมืองบนดินปกติ ระดับความลึกเท่ากับตึก 10 ชั้น ภายในถูกสร้างเป็นห้องต่าง ๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ เช่น โรงเรียน ห้องอาหาร ห้องนอน โรงพยาบาล มีการแบ่งสัดส่วนไว้ชัดเจน บอกเลยว่าควรค่ากับการไปสัมผัสสักครั้งในชีวิตเพื่อชมความอัจฉริยะของมนุษย์ในยุคก่อน มีสิ่งที่ต้องอึ้งแบบไม่รู้จบ


6. หุบเขาพาซาแบค (Pasabag Fairy Chimneys)
ทัวร์ตุรกีแล้วอยากได้ฟิลธรรมชาติต้องแวะมาที่หุบเขาแห่งนี้เลย ตอบโจทย์สายคอนเทนต์สุดฮิปได้อย่างลงตัวกับวิวภูเขาหินน้อยใหญ่ตั้งตระหง่านเรียงรายลักษณะคล้ายกรวยคว่ำจำนวนมาก แถมบนยอดยังคล้ายกับหัวเห็ดหรือการสวมหมวก หรือใครอยากถ่ายรูปกับน้องอูฐที่นี่ก็มีให้ใช้ร่วมเฟรมได้อีกต่างหาก อีกดินแดนที่มีความแปลกตาและน่าประทับใจจนได้รูปกลับมาเต็มกล้องแบบไม่รู้ตัวกันเลยทีเดียว


7. เมืองเอเฟซุส (Ephesus)
ใครเป็นสายประวัติศาสตร์ต้องไม่พลาดกับการไปเที่ยวเมืองโบราณแห่งนี้ เพราะโครงสร้างสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ที่พบเห็นถูกสร้างมาในสไตล์โรมัน แม้ไม่ได้มีการปรากฏหลักฐานชัดเจนว่ามีผู้คนอยู่อาศัยมานานแค่ไหนแต่คาดว่าน่าจะตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 14 ก่อนคริสตกาลด้วยซ้ำ สามารถหามุมสวย ๆ ถ่ายรูปทำคอนเทนต์กันได้เพลินมาก ยิ่งถ้าไปช่วงเย็นจะได้แสงสอดรับกับตัวอาคารงดงามอย่าบอกใคร


8. หอคอยกาลาตา (Galata Tower)
สำหรับคนที่ชอบอัปเดตรูปถ่ายลง Social นี่คืออีกจุดปักหมุดตุรกีที่ต้องไปให้ได้ ตั้งอยู่ในกรุงอิสตันบูล ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1819 ในสไตล์หอคอยหินทรงกระบอกสูงแบบโรมัน ขณะที่ด้านบนหลังคามีลักษณะเป็นกรวยสามเหลี่ยม ด้านในแบ่งออกเป็น 9 ชั้น สามารถขึ้นไปชมวิวมุมสูงของเมืองได้แบบสุดลูกหูลูกตา เป็นจุดเที่ยวตุรกีฝั่งยุโรปที่ควรค่ากับการมาเยือนสักครั้ง


9. พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ (Goreme Open Air Museum)
นี่คืออีกจุดไฮไลท์ของการไปเที่ยวตุรกีอีกเช่นกัน หากไปกับทัวร์ตุรกียังไงก็ได้แวะแน่ ๆ เมืองโบราณเก่าแก่ในคัปปาโดเซีย ภูเขาหินที่มีอายุมากกว่า 8 ล้านปี ถูกกัดเซาะด้วยลม แดด ฝน จนเกิดรูปร่างคล้ายปล่องไฟ หรือปล่องนางฟ้า บางจุดมีการขุดเจาะเพื่อทำเป็นโบสถ์ของชาวคริสต์ตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 3 ซึ่งเมื่อเข้าไปด้านในก็งดงามด้วยงานจิตรกรรมฝาผนังให้เข้าไปถ่ายรูปกันแบบเพลินตาสุด ๆ


10. ช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus Strait)
ปิดท้ายที่เที่ยวตุรกีกันด้วยบริเวณช่องแคบบอสฟอรัส หรือช่องแคบอิสตันบูล (แต่ขนาดไม่ได้แคบตาม) ซึ่งทำหน้าที่กั้นระหว่างแผ่นดินยุโรปกับเอเชียของประเทศตุรกีมาอย่างช้านาน เชื่อมต่อระหว่างทะเลมาร์มาร่า (Sea of Marmara) และทะเลดำ (The Black Sea) ภายใต้ความยาวราว 32 กิโลเมตร อีกทั้งยังสามารถล่องเรือเพื่อชมความงดงามของท้องทะเลและอาคารบ้านเรือนตลอด 2 ฝั่งได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย


นี่คือ 10 จุดเช็กลิสต์ที่เที่ยวตุรกีไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ซึ่งทาง GuruTrip คือผู้เชี่ยวชาญในด้านการจัดสัมมนา ดูงานต่างประเทศ รวมถึงจัดกรุ๊ปทัวร์ส่วนตัว หากอยากไปเที่ยวตุรกีแบบกลุ่มกันเองเราพร้อมดูแลอย่างมืออาชีพ บอกสถานที่ที่ต้องการพร้อมแจ้งงบประมาณเบื้องต้นได้เลย ทีมงานยินดีวางแผนให้แบบครบครัน คุ้มค่า ทัวร์ตุรกีแบบไม่มีผิดหวังแน่นอน

Tags ที่เกี่ยวข้อง
ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า
LineID
Add LINE Friends via QR Code
Share on social networks