ทัวร์โมร็อคโค Fantastic Morocco

ทัวร์โมร็อคโค Fantastic Morocco  - บริษัท กูรูทริป จำกัด
รหัสทัวร์
022-02454
วันที่เดินทาง
ต.ค.67
ช่วงเวลา
10 วัน 7 คืน
เดินทางโดย
Emirates (EK)

ไฮไลท์

  • มาราเกช (Marakech)– เอท เบน ฮัดโด (Ait Ben Haddou)– วอซาเซท (Ouarzazate)
  • วอซาเซท(Ouarzazate) - ทินเฮียร์ (Tinerhir)- ทอดร้าจอร์จ (TodraGrorge) – แอร์ฟูด์ (Erfoud)- มอร์ซูก้า (Merzouga)
  • เชฟชาอูน (Chefchaouen) - ราบัต (Rabat) - คาซาบลังกา (Casablanca)

แผนการเดินทาง

22.30 น.  ทุกท่านพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิฯ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาน์เตอร์สายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ เจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและทำการเช็คอิน(เคาน์เตอร์ U ประตู 10)

01.35 น.  บินสู่กรุงดูไบประเทศสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์โดยสายการบิน เอมิเรตส์ แอร์ไลน์เที่ยวบินที่EK385เชิญเพลิดเพลินกับจอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง พร้อมบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน

04.45 น.  ถึง ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ พักเปลี่ยนอิริยาบถและเปลี่ยนเครื่อง

07.30 น.  บินต่อ สู่เมืองคาซาบลังกา สายการบิน เอมิเรตส์ แอร์ไลน์เที่ยวบิน  EK751        

12.45 น. เดินทางสนามบินนานาชาติเมืองคาซาบลังก้า (Casablanca)ประเทศโมรอคโค  (เวลาท้องถิ่นในประเทศโมรอคโค ช้ากว่าประเทศไทย 6 ช.ม.)หลังผ่านตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร พบมัคคุเทศก์ท้องถิ่น

นำท่านเดินทางสู่ เมืองมาราเกช (MARRAKECH) ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ ตั้งอยู่แถบชิงเขาแอตลาส ในอดีตเมืองแห่งนี้เป็นที่พักของกองคาราวานอูฐ ที่มาจากทางตอนใต้ของโมร็อคโค ถือเป็นเมืองชุมทางของพ่อค้าต่างๆ นอกจากนี้ยังเป็นอดีตเมืองหลวงในช่วงสมัยราชวงศ์อัลโมราวิด ช่วงศตวรรษที่ 11 ปัจจุบันเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุด สภาพบ้านเมืองที่เราเห็นได้คือ สองข้างทางแวดล้อมด้วยบ้านเรือนที่ถูกฉาบด้วยปูนสีส้มๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลกำหนดไว้ แต่คนท้องถิ่นจะเรียกว่า Pink City หรือ เมืองสีชมพู อาจกล่าวได้ว่ามาราเกชเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง จึงได้สมญานามว่าเป็น A City of Drama นั่นคือมีความสวยงามดั่งเมืองในละครที่ไม่น่าเป็นชีวิตจริงได้อีกมากมาย

บ่าย  ให้ท่านอิสระช้อปปิ้งที่ตลาดThe Souks ตลาดใหญ่กลางเมืองมาราเกซสินค้าก็มีอย่างหลากหลายตั้งแต่

งานฝีมือ สไตล์โมรอคโคแท้ เครื่องเทศ เครื่องหอม เสื้อผ้า เครื่องประดับ รองเท้า กระเป๋าและอื่นๆ ให้ท่านได้เลือกซื้อ

นำท่านชมสุเหร่า คูโตเบีย (Kutobia Mosque)เป็นสุเหร่า ที่มีหอคอยสูง ถึง 70 เมตร สร้างในสมัยราชวงศ์ อัลโมฮัด ซึ่งเป็นหอคอย 1 ใน สามพี่น้อง เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ถึงความยิ่งใหญ่ ในสมัยราชวงศ์นี้  ชมซากสุเหร่าซึ่งเป็นอนุสรณ์ แห่งความขัดแย้งของ 2 ลัทธิ ซึ่งมีมาในอดีต นำท่านแวะจัตุรัส Djemaa el Fna Square จุดเช็คพอยท์ที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องไปเช็คอินเลยก็ว่าได้เมื่อมาเยือน มาร์ราเกช สัมผัสความคึกคักและเสน่ห์ของเมืองมาร์ราเกช ซึ่งมีอะไรให้ดูมากมาย ตั้งแต่การแสดงโชว์งูของหมองู การแสดงเปิดหมวกต่างๆ ของคนท้องถิ่น

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ในโรงแรม

พักที่  Palm Plaza Hotel Marrakech 5*หรือเทียบเท่า

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม-เช็คเอ้าท์

นำท่านเดินทางสู่ สวนจาร์ดีน มาจอแรล (Jardin Majorelle) หรือ สวนยิปแซงลอเร้นซ์ (Yves Saint Laurent Gardens) ชื่อนี้เป็นที่คุ้นเคยของสาวๆ ที่ชื่นชอบแฟชั่นสุดหรูของ Yves St. Laurent นักออกแบบแฟชั่นดีไซน์แห่งปารีส ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ออกแบบสวนแห่งนี้ ในช่วงที่โมรอคโคตกเป็นอาณานิคมของประเทศฝรั่งเศส ยิปแซงลอเร้นซ์มาที่ประเทศโมรอคโค เพื่อพักผ่อนหลังจากเคร่งเครียดจากงานออกแบบแฟชั่นโชว์ บ้านหลังนี้เคยเป็นของเศรษฐีแห่งมาราเกช หลังจากยิปแซงมาเยือนมาราเกช ก็ได้เกิดความหลงใหลในเมืองแห่งนี้ และซื้อบ้านหลังนี้ไว้เป็นที่พักผ่อน  ชมสวนที่ถูกออกแบบโดยใช้ที่สดใส ฉูดฉาด เช่นสีน้ำเงิน และสีส้ม เป็นองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นเสา แจกัน และชมการจัดวางพรรณไม้อันหลากหลาย แห่งทะเลทราย ที่จัดได้อย่างสวยงามและลงตัว

ชม พระราชวังบาเฮีย (Bahia Palace) เป็นพระราชวังของท่านมหาอำมาตย์ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนยุวกษัตริย์ในอดีต  สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดย Si Moussa สถาปัตยกรรมออกเป็นแนวสมัยใหม่ โดยที่ตั้งใจจะให้เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และหรูหราที่สุดในสมัยนั้น สร้างขึ้นและตั้งชื่อวังตามชื่อของภรรยาคือ นางบาเฮีย ซี่งมีรูปโฉมที่งดงาม เป็นที่รักใคร่ยิ่งของท่านมหาอำมาตย์  พระราชวังแห่งนี้มีการตกแต่งโดยการแกะสลักปูนปั้น (Stucco) บนเพดานและบานประตูมีการวาดลายโดยใช้สีธรรมชาติบนไม้สนซีดาร์ และผนังประดับประดาด้วยโมเสกเป็นลวดลายที่สวยงามละเอียดอ่อนมาก ชมสวนในบ้านซึ่งเป็นสไตล์ริยาด (Riad) ประกอบไปด้วยลานกลางบ้าน ซึ่งประดับด้วยน้ำพุ และสวนไม้ดอก ไม้ประดับ ตามสไตล์การแต่งบ้านแบบโมรอคโค

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย  นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองเอทเบน ฮัดโด (AIT BEN HADDOU) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองมาราเกช เส้นทางข้ามเทือกเขาไฮแอทลาส ทางคดเคี้ยวกับภูเขาสลับซับซ้อนสลับกับทุ่งเกษตรแบบขั้นบันได ให้ท่านเพลินตากับสีสัน วิถีชีวิตของคนท้องถิ่น นำท่านชม เมืองเอทเบน ฮัดโด เป็นเมืองที่ชื่อเสียงในเรื่องการหารายได้จากกองถ่ายทำภาพยนตร์กว่า 20 เรื่อง โดยเฉพาะป้อมที่งดงามและมีความใหญ่ที่สุดในโมรอคโคภาคใต้ คือ     ป้อมเอทเบน ฮัดโด (Kasbash of Ait Ben Haddou) เป็นป้อมหินทรายซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางสวนอัลมอนด์ เป็นปราสาทที่ใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่องที่โด่งดังอาทิ Lawrence of Arabia, Jesus of Nazareth และ Gladiator ปัจจุบันอยู่ในความดูแลขององค์การยูเนสโก

นำท่านเดินทางสู่เมืองวอซาเซท (Ouarzazate)เคยเป็นที่ตั้งยุทธศาสตร์ในปี ค.ศ. 1928 ฝรั่งเศสได้ตั้งกำลังทหาร และพัฒนาที่นี่ให้เป็นศูนย์กลางการบริหาร วอซาเซทเป็นเมืองถูกส่งเสริมให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่แวดล้อมไปด้วย สตูดิโอภาพยนตร์

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ  โรงแรม

พักที่ OSCAR HOTEL OUARZAZATE ระดับ 4* หรือเทียบเท่า

*** เชิญท่านเพลิดเพลินกับบรรยากาศยามค่ำคืนของทะเลทรายซาฮาร่า และชมดวงดาวบนท้องฟ้า ***

***กรุณาจัดเตรียมเสื้อผ้า ของใช้จำเป็น ใส่กระเป๋าเล็ก แยกไว้เพื่อใช้ในการค้างแรมในทะเลทรายซาฮาร่า ในคืนวันพรุ่งนี้

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม-เช็คเอ้าท์

นำท่านเดินทางสู่เมืองเมอร์ซูก้า (Merzouga) เดินทางข้ามเขา มิดเดิล แอตลาส (Middle Atlas) ผ่านเส้นทางความสูง 3,090 เมตร ปกคลุมด้วยหิมะ และต้นสนขนาดใหญ่ ผ่านหุบเขาดาเดดส์ (Dades)หุบเขานี้ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่รู้จักกันในชื่อ ทอดร้าจอร์จ (Todra Gorge)แนวเทือกเขาทางธรรมชาติที่สวยงาม มีหลายรูปร่างแปลกตาซึ่งเป็นแนวเขาและธรรมชาติของหุบเขาที่ถูกกัดกร่อนจากแรงลม ทำให้หุบเขากลายเป็นรูปร่างต่างๆ สวยงาม

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย  นำท่านผ่านเมืองเอร์ฟูด์ (Erfoud)ซึ่งเป็นโอเอซิสศูนย์กลางของกองคาราวานพ่อค้าที่เดินทางมาจากทางตะวันออกกลางอย่างเช่นซาอุดิอารเบียและซูดานในแอฟริกาเดินทางสู่ เมืองทินเฮียร์ (Tingrhir)  แวะชมโอเอซิส Tinerhir ซึ่งเป็นชุมชนที่เกาะกลุ่มอยู่รวมกัน ท่ามกลางความแห้งแล้งในเขตทะเลทราย ที่ยังมีความชุ่มชื้น มีตาน้ำ หรือ ลำธารน้ำ ซึ่งใช้ในการปลูก ต้นปาล์ม ต้นอัลมอนด์ โอเอซิสแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของกองทหารที่เดินทางมาจากเมืองวอซาเซท

แล้วเดินทางสู่เมืองวอซาเซท (Ouarzazate) เคยเป็นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ ในปี ค.ศ. 1928 ฝรั่งเศสได้ตั้งกองกำลังทหารและพัฒนาที่นี่ให้เป็นศูนย์กลางการบริหาร วอซาเซทเป็นเมืองที่ถูกส่งเสริมให้เป็นเมืองท่องเที่ยวแวดล้อมไปด้วยสตูดิโอภาพยนตร์ และมีการพัฒนาพื้นที่ในทะเลทรายเพื่อการทำ
กิจกรรมต่างๆ เช่นการขี่มอเตอร์ไซด์ อูฐ กิจกรรมผจญภัยกลางทะเลทราย (สำหรับในฤดูหนาว – ฤดูใบไม้ผลิ (พ.ย.– เม.ย.)) ควรเตรียมเสื้อกันหนาวให้เพียงพอ เพราะเมืองนี้อยู่ใกล้ภูเขาแอตลาส ที่มีหิมะปกคลุมในช่วงดังกล่าว  วอซาเซท อาจกล่าวได้ว่าเป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวที่มองหาความแตกต่าง และความผจญภัยที่หาไม่ได้จากที่ไหน วอซาเซทเป็นเมืองที่สำคัญที่สุดของทางตอนใต้ และที่นี่ยังเป็นทางเชื่อมระหว่างเหนือกับใต้ และตะวันออกกับตะวันตก สำหรับนักท่องเที่ยวบางคนที่ชอบรสชาติของความเป็นทางใต้ ณ แห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการสำรวจเมืองต่างๆได้ทุกวัน ก่อนถึงเมืองซอซาเซท แวะชมผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกุหลาบที่เมืองมากูน่า (Merzouga) (เทศกาลกุหลาบจะจัดขึ้นประมาณเดือนพฤษภาคม)

นำท่านหยิบกระเป๋าใบเล็กที่แยกเตรียมไว้และของใช้ที่จำเป็นเข้าพักเมืองเมอร์ซูก้าร์ (MERZOUGA)เดินทางโดยรถ 4x4 (4WD) (รถ 4 WD นั่งคันละ 4–5 ท่าน) เข้าสู่ทะเลทรายซาฮาร่าในทวีปแอฟริกาที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก (รองจากทะเลทรายในทวีปแอนตาร์กติกา) และเป็นทะเลทรายร้อนที่ใหญ่ที่สุดของโลก(ระยะทาง 54 ก.ม. ใช้เวลา 45 นาที) ผ่านภูเขาหิน ที่เต็มไปด้วยซากฟอสซิล ของหอย และ แมงกะพรุนโบราณ

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ที่พัก

พักที่   SAHARA LUXURY camp Merzouga ระดับ 4* หรือเทียบเท่า

*** เชิญท่านเพลิดเพลินกับบรรยากาศยามค่ำคืนของทะเลทรายซาฮาร่า และชมดวงดาวบนท้องฟ้า ***

นำท่านหยิบกระเป๋าใบเล็กที่แยกเตรียมไว้และของใช้ที่จำเป็นเข้าพักเมืองเมอร์ซูก้าร์ (MERZOUGA)เดินทางโดยรถ 4x4 (4WD) (รถ 4 WD นั่งคันละ 4–5 ท่าน) เข้าสู่ทะเลทรายซาฮาร่าในทวีปแอฟริกาที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก (รองจากทะเลทรายในทวีปแอนตาร์กติกา) และเป็นทะเลทรายร้อนที่ใหญ่ที่สุดของโลก(ระยะทาง 54 ก.ม. ใช้เวลา 45 นาที) ผ่านภูเขาหิน ที่เต็มไปด้วยซากฟอสซิล ของหอย และ แมงกะพรุนโบราณ

ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นนำท่านขี่อูฐชมเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นที่เนินทรายในทะเลทรายซาฮาร่า (ขี่อูฐ ท่านละ 1 ตัว) ทะเลทรายซาฮาร่า (SAHARA DESERT) เป็นทะเลทรายที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ที่สุดในโลกคือ มีเนื้อที่ประมาณ 9.3 ล้านตารางกิโลเมตร (ใหญ่เท่าอเมริกาทั้งประเทศ) และตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา ทะเลทรายซาฮาร่ามีสิ่งแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการดำรงอยู่ของชีวิตมนุษย์ สัตว์ หรือพืช เพราะฝนตกน้อยมาก และพื้นที่ไม่เหมาะแก่การเพาะปลูกหรือเลี้ยงสัตว์ หากมีสัตว์และพืชพันธุ์ใดที่สามารถเติบโตในทะเลทรายได้ ก็ต้องปรับตัวกันอย่างมาก เช่นเดียวกับมนุษย์ที่ต้องหาวิธีในการใช้ชีวิตให้อยู่รอดได้ ให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศยามเช้าในทะเลทรายซาฮาร่า  จากสภาพการไร้ฝนและอุณหภูมิที่ร้อนจัดในทะเลทรายมีผลทำให้ความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศเหนือทะเลทราย เกือบเป็นศูนย์ตลอดปี ชมพระอาทิตย์ขึ้นจากบนเนินทราย ซึ่งสวยงาม น่าประทับใจได้เวลานำท่านขี่อูฐกลับสู่โรงแรมที่พัก

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม-เช็คเอ้าท์

นำคณะนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อ 4x4 (4WD) ออกจากทะเลทรายซาฮาร่า มุ่งหน้าสู่ เมืองเอร์ฟูด์(Erfoud) เพื่อเปลี่ยนเป็นรถโค้ชออกเดินทางสู่เมืองเอร์ฟูด์ (Erfoud) เมืองที่เคยเป็นศูนย์กลางของกองคาราวานพ่อค้าที่เดินทางมาจากทางตะวันออกกลางอย่างเช่นซาอุดิอารเบียและซูดานในแอฟริกานำท่านชมโรงงานที่ตัดภูเขาเพื่อนำเอาหินซึ่งมีซากฟอสซิล มาผลิตเป็นเครื่องใช้ ในอดีตเมื่อประมาณ 350 ล้านปีก่อน  ดินแดนแห่งนี้เคยอยู่ใต้ท้องทะเล ต่อมาเมื่อแผ่นดินผุดขึ้นมา จึงเกิดซากฟอสซิลขึ้นมากมาย

นำท่านเดินทางสู่เมืองมิเดลท์(Midelt) (ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 3 ช.ม.) เป็นจุดแวะพักของนักผจญภัย ที่ชอบความท้าทายในการเดินเขาที่มีบรรยากาศแห้งแล้ง ของทะเลทรายซาฮาร่า ผ่านภูมิประเทศที่เขียวชอุ่มไปด้วยป่าไม้ ป่าสนซีดาร์  บางช่วงต้นไม้เป็นพุ่มเตี้ยแปลกตา บางช่วงเป็นพื้นราบทุ่งหญ้าสำหรับเลี้ยงสัตว์ ที่มีทิวเขาเป็นฉากหลัง อันงดงาม

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

นำท่านเดินทางสู่เมืองอิเฟรน (Ifrane)  (ระยะทาง 70 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.)อิเฟรน (Ifrane) เป็นเมืองพักตากอากาศบนความสูงกว่า 1,650 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งในอดีตฝรั่งเศสได้มาสร้างเมืองขึ้นในบริเวณนี้ ใช้เป็นสถานที่พักผ่อนทั้งฤดูหนาวและฤดูร้อน บ้างก็เรียกเมืองอิเฟรนว่า “เจนีวาแห่งโมรอคโค” หรือ “สวิตเซอร์แลนด์แห่งโมรอคโค” บ้านส่วนใหญ่มีหลังคาสีแดง มีดอกไม้ และทะเลสาบสวยงาม นำท่านเดินเล่นภายในเมืองและเก็บภาพบรรายากาศอันสวยงามอีกแห่งของโมรอคโค ถ่ายรูปกับอนุสรณ์สิงห์โตหิน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนสิงห์โตตัวสุดท้ายที่ถูกล่าจนหมดไปจากเทือกเขาแห่งนี้  เพลิดเพลินไปกับการเดินเล่นในเมืองเล็ก ๆ ที่มีอากาศบริสุทธิ์ และธรรมชาติอันน่าประทับใจ ได้เวลาอันสมควร
จากนั้นเดินทางสู่ เมืองเฟส (Fes) นำท่านเดินทางสู่ (ระยะทาง 82 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1ชม.) เมืองหลวงเก่าในศ.ต. ที่ 8 ที่มีความความสำคัญทางประวัติศาสตร์และศาสนาตั้งแต่ยุค ศตวรรษ ที่ 8  เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของโมรอคโค ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ที่ต่อจากเชิงเทือกเขารีฟซึ่งเฟสเป็นเมืองแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและมีเสน่ห์อันน่าประทับใจ

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ที่โรงแรม

พักที่ โรงแรม    Barcelo Hotel Fes 4* หรือเทียบเท่า

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม-เช็คเอ้าท์

นำท่านชมประตูพระราชวังหลวงแห่งเฟส (The Royal Palace) ประตูทางเข้าพระราชวังเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยและสง่างาม เป็นเอกลักษณ์แห่งราชวงศ์โมรอคโค บริเวณใกล้เคียงพระราชวังเคยเป็นที่อยู่ของชุมชนชาวยิวที่ทำรายได้ให้แก่ราชวงศ์ เพราะชาวยิวฉลาดทำการค้าเก่ง เป็นพ่อค้าผูกขาดการค้าเกลือ แต่ปัจจุบันชาวยิวส่วนใหญ่ได้เดินทางกลับไปอยู่ในดินแดนแห่งพันธ์สัญญา(ประเทศอิสราเอล) คงเหลือประชากรชาวยิวอยู่ไม่มากนัก 

จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่เขาวงกตอันซับซ้อนแห่งเมดินาเมืองเฟส  ผ่านประตู Bab BouJeloudที่สร้างตั้งแต่ปี 1913 ที่ใช้โมเสดสีฟ้าตกแต่ง เดินผ่านเข้าไปในเขตเมดิน่าแล้วเหมือนข้ามกาลเวลาย้อนสู่อดีต

นำท่านเดินผ่านตลาดสดขายข้าวปลาอาหาร และผัก ผลไม้สดต่างๆนาๆ ในเขตเมืองเก่าได้แบ่งออกเป็น 100 ส่วน มีซอยกว่า 9,400 ซอย มีซอยแคบสุดคือ 50 ซ.ม. ถึงกว้าง 3 เมตร จะแบ่งเป็นย่านต่างๆ เช่น ย่านเครื่องใช้ทองเหลือง ทองแดง จะมีร้านค้าเล็ก ๆ ที่หน้าร้านจะมีหม้อ กระทะ อุปกรณ์เครื่องครัว วางแขวนห้อยเต็มไปหมด ย่านขายพรมที่วางเรียงรายอย่างสวยงาม ย่านงานเครื่องจักสาน งานแกะสลักไม้ และย่านเครื่องเทศ (Souk El Attarine) ท่านจะได้สัมผัสทั้งรูป รสและกลิ่นในย่านเครื่องเทศที่มีการจัดเรียงสินค้าได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงามระหว่างที่เดินตามทางในเมดิ

นำท่านจะได้พบกับน้ำพุธรรมชาติ(Nejjarine Fountain) เพื่อให้ชาวมุสลิมให้ล้างหน้าล้างมือก่อนเข้าในบริเวณมัสยิด  นอกจากนี้ที่ตามซอกมุมอาจเห็นภาพชายสูงอายุหนวดเครารุงรังนั่งแกะสลักไม้ชิ้นเล็กๆอยู่บริเวณตามทางเดินแคบๆในเขตเมืองเก่าบางทีเราก็ยังจะเห็นผู้หญิงที่นี่สวมเสื้อผ้าที่ปิดตั้งแต่หัวจนถึงเท้าจะเห็นได้ก็เฉพาะตาดำอันคมกริบเท่านั้น  แวะชมสุสานของกษัตริย์ มูเล ไอดริสที่ 2 (Moulay IdrissMausolem II) ที่ชาวโมรอคโคถือว่าเป็นแหล่งมาแสวงบุญที่ศักดิ์สิทธิ์ โดยชายชาวมุสลิมจะมาขอพรก่อนการเข้าสุหนัตและหญิงสาวชาวมุสลิมมักจะมาขอพรเพื่อให้ได้บุตร  นำท่านชมสุเหร่าใหญ่ไคเราวีน (Kairaouine Mosque)ซึ่งเป็นทั้งมหาวิทยาลัยสอนศาสนาแห่งแรกของโมรอคโคและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว (เฉพาะผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามเท่านั้น) ชมย่านเครื่องหนังและแวะชม บ่อฟอกและย้อมสีหนังแบบโบราณประจำเมืองเฟส (Chouara Tannery) ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองเฟส ถูกอนุรักษ์โดยองค์กรยูเนสโก้  เมืองเฟส จึงเป็นสถานที่ไม่ควรพลาดในการมาเยือนอย่างยิ่ง

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

นำท่านเข้าสู่เมืองเก่าเฟส ชม เมเดอร์ซา บูอิมาเนีย (MerdersaBouImania) ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนพระคัมภีร์ เป็นสถาปัตยกรรมแบบมัวร์ที่สวยงามประณีต ชมร้านทองเหลือง ซึ่งช่างฝีมือที่ทำทองเหลืองเป็นช่างที่ได้รับการถ่ายทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ หลายชั่วอายุคน ในอดีตช่างฝีมือ และ ช่างหัตถกรรมเหล่านี้ ได้สร้างสรรค์ผลงานอันวิจิตรงดงาม  ในแคว้น อัล อันดาลูซ ประเทศสเปน เมื่อครั้งที่ชาวโมรอคคันเบอร์เบอร์ปกครองแคว้น อัล อันดาลูซ ของสเปน และนำท่านชมย่าน Mellahเป็นย่านที่เคยมีชาวยิวพักอาศัยอยู่ตามตรอกซอกซอยชมการผลิตโมเสค (Mosaic) และเครื่องใช้ที่ทำจากเซรามิค ชมกรรมวิธีการทำ ซิลิจ Zeiligeซึ่งเป็นกรรมวิธีที่สืบทอดกันมาแต่ดั้งเดิม  ดังความงามได้ปรากฏจนเป็นที่เลื่องลือกันในประเทศสเปน โดยเฉพาะการปูกระเบื้องโมเสคที่ตัดและจัดลวดลายที่ละชิ้นหรือที่เรียกว่า ซิลลิจ  ได้อย่างลงตัว

นำท่านสู่ป้อมปราการและเมืองหลวง (Fes Jdid)พระราชวังแห่งนี้ถูกครอบครองโดยส่วนใหญ่โดยพระราชวังประวัติศาสตร์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางของรัฐบาลในโมร็อกโก

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ที่โรงแรม

พักที่ โรงแรม    Barcelo Hotel Fes 4* หรือเทียบเท่า

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม-เช็คเอ้าท์

นำท่านออกเดินทางสู่เมือง เมคเนส (Meknes) (ระยะทาง 195 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชม.)  แวะชม เมืองโบราณโรมันโวลูบิลิส (Roman city of Volubilis) ที่ปัจจุบันเหลือแต่ซากปรักหักพังที่เกิดจากแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในปี ค.ศ. 1755 แต่ยังคงเห็นได้ถึงร่องรอยความยิ่งใหญ่ของเมืองในจักรวรรดิโรมันในอดีต อดีตเมืองโบราณแห่งจักรวรรดิโรมันแห่งนี้มีความสำคัญยิ่งในยุคศตวรรษที่ 3 และล่มสลายถูกปล่อยเป็นเมืองร้างในศตวรรษที่ 11 เมืองโรมันโบราณแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1997  เดินทางถึงเมือง เมคเนส (Meknes) หนึ่งในเมืองมรดกโลกรับรองโดยยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ.1996 อดีตเมืองหลวงในสมัยสุลต่านมูเล อิสมาอิล (Mouley Ismail)  แห่งราชวงศ์อะลาวิท (Alawite Dynasty)  ได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์จอมโหดผู้ชื่นชอบการทำสงครามในช่วงศตวรรษที่ 17  ด้วยทำเลที่ตั้งที่มีแม่น้ำไหลผ่านกลางเมือง เมกเนสจึงเป็นเมืองศูนย์กลางการผลิตมะกอก ไวน์ และพืชพรรณต่างๆ  มีกำแพงเมืองล้อมรอบเมืองเก่าที่ยาวประมาณ 40 กม. ซึ่งมีประตูเมืองใหญ่โตถึง 7 ประตู

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

นำท่านเดินทางสู่เมืองนำท่านเดินทางต่อ สู่ นครสีฟ้า  เชฟชาอูน (Chefchaouen)  เมืองที่ได้ชื่อว่า “ มนต์เสน่ห์แห่งโมร็อกโค “ แม้ว่าโมรอคโคจะเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกา แต่เพราะการที่มีอาณาเขตติดต่อกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและมหาสมุทรแอตแลนติก จึงทำให้ภูมิอากาศของประเทศเป็นแบบเมดิเตอร์เรเนียนคล้ายตอนใต้ของอิตาลีและ สเปน เมืองเชฟชาอูน (Chefchaouen) เป็นเมืองเล็กๆตั้งอยู่ในหุบเขาริฟ (Rif Mountain หรือ Er-Rif) ประวัติความเป็นมาของเมืองนั้นยาวนานกว่า 540 ปี ในอดีตก่อนที่โมรอคโคจะได้รับเสรีภาพในการปกครองประเทศทั้งหมดในปี 1956 เมืองเชฟชาอูนเคยอยู่ใต้การปกครองของสเปนมาก่อน และจนบัดนี้ประชากรที่มีประมาณ 40,000 คน ก็ยังคงใช้ภาษาสเปนกันอย่างแพร่หลาย อากาศบริสุทธิ์และความสะอาดของเมืองเชฟชาอูนได้สร้างบรรยากาศผ่อนคลายสบายๆที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่เหนื่อยล้ามาจากการตระเวนเที่ยวที่เมืองอื่นหายเหนื่อยได้ สำหรับท่านที้ชื่นชอบในสถาปัตยกรรมแบบโมรอคโค  ไม่ควรพลาดเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ ที่บ้านเรือนทาทาบด้วยสีฟ้าและสีขาว ซึ่งจะสร้างความประทับใจให้แก่ผู้มาเยือนมิรู้ลืม


นำท่านเดินชมเมืองเชฟชาอูน   เมืองที่ถือว่าเป็นสวรรค์ของคนรักสีฟ้าและสีขาว โดยเฉพาะสีฟ้า นั่นก็เพราะว่าเชฟชาอูนเป็นเมืองที่บ้านเรือนเกือบทุกหลังเป็นสีขาว และมีครึ่งล่างไปจนถึงบริเวณถนน บันได และทางเดิน เป็นสีฟ้าสดใสเหมือนวันที่ท้องฟ้าไร้เมฆ ประกอบกับอากาศบริสุทธิ์และความสะอาดของเมืองได้สร้างบรรยากาศผ่อนคลายสบายๆที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่เหนื่อยล้ามาจากการตระเวนเที่ยวที่เมืองอื่นหายเหนื่อยได้ สำหรับท่านที่ชื่นชอบในสถาปัตยกรรมแบบโมรอคโค  ไม่ควรพลาดเมืองเล็ก ๆ ที่บ้านเรือนทาทาบด้วยสีฟ้าและสีขาว แห่งนี้ทีเดียว

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ  โรงแรม

พักที่ DAR BA SIDI HOTELChefchaouen / vanciiระดับ 4 * หรือเทียบเท่า

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม-เช็คเอ้าท์

แล้วเดินทางสู่เมืองราบัต (Rabat) เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรโมรอคโค (ระยะทาง115 กม.เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.)

นำท่านชมหอคอยฮาซัน (Hassan Tower) และ สุสานของกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่ 5พระอัยกา(ปู่) ของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ซึ่งมีทหารยามยืนเฝ้าสง่าทุกประตูและเปิดให้คนทุกชาติทุกศาสนาเข้าไปเคารพพระศพที่ฝังอยู่เบื้องล่าง ด้านหน้าของสุสาน คือสุเหร่าฮัสซันที่เริ่มสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 แต่ไม่สำเร็จและพังลงจนเหลือแต่เพียงเสาไว้ 365 ต้น ในบริเวณกว้าง 183x139 เมตร ชมหอคอยฮาซัน (Hassan Tower)

นำท่านชม ป้อมอูดายา (Oudayas Fortress) ป้อมขนาดใหญ่ 2 ชั้น ที่ตั้งอยู่ริมมหาสมุทรแอตแลนติก ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงใหญ่ เป็นป้อมที่สเปนสร้างขึ้นเมื่อสมัยที่สเปนยึดด้านในมีสวนดอกไม้แบบสเปน และเป็น เมดิน่า  หรือชุมชนชาวเมืองซึ่งเต็มไปด้วยบ้านเรือนทาทาบด้วยสีฟ้า-ขาว บรรยากาศริมทะเลคล้ายเมืองซานโตรินี นับเป็นหนึ่งในป้อมปราการที่สำคัญของโมรอคโคในอดีตใช้ป้องกันข้าศึกจากการรุกรานทั้งจากประเทศที่ล่าอาณานิคมและในยุคที่โจรสลัดชุกชุม ครองโมรอคโค

นำท่านผ่านเมืองเอลจาดีด้า (El Jadida)(ใช้เวลาประมาณ 3 ชม.) เดิมชื่อ มาซากัน (Mazagan) เป็นภาษาโปรตุเกสเป็นเมืองโบราณที่ตั้งอยู่บนอ่าวชายฝั่งทะเลแอตแลนติค เคยเป็นเมืองท่าที่สำคัญของโมรอคโคที่ทำการค้ากับชาวฟินีเชียนมีประชากร 144,440 คน (ค.ศ. 2004)ตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1502 อยู่ใต้การปกครองของโปรตุเกสในปี ค.ศ. 1769 แล้วนำท่านดูป้อมเมืองป้อมปราการแอลฌาดีดาได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกในปี ค.ศ. 2004

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น


บ่าย หลังจากนั้นนำท่านต่อไปยัง เมืองคาซาบลังกา(ใช้ประมาณ 1.30 ชม.)นำท่านเข้าชมสุเหร่าแห่งกษัตริย์ฮัสซันที่ 2 เป็นสุเหร่าที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจาก เมืองเมกกะ สุเหร่านี้งดงามประณีตด้วยสถาปัตยกรรมแบบโมรอคโคทุกแขนง สามารถจุผู้คนที่เข้าร่วมพิธี ทางศาสนาอิสลามได้ร่วม 80,000 คน โดยแยกเป็นภายในสุเหร่า 25,000 คน ภายนอกสุเหร่าอีก 55,000 คน ชมทิวทัศน์รอบๆ สุเหร่าอันเป็นจุดชมวิวริมฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติค ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนที่สวยงาม ของชาวโมรอคโคที่ชอบมาเดินเล่นหลังจากปฏิบัติศาสนกิจเสร็จแล้ว

อิสระให้ท่านช้อปปิ้งที่ ห้าง Morocco Mall เป็นห้างที่บรรดาไฮโซ และเศรษฐี ในคาซาบลังก้านิยมมาจับจ่ายซื้อสินค้าแบรนด์ดัง ชมเมืองคาซาบลังก้า ผ่านย่านธุรกิจสำคัญ จัตุรัสสหประชาชาติ ผ่านชมย่านบ้านพักตากอากาศและวิว ทิวทัศน์ริมมหาสมุทรแอตแลนติคซึ่งเป็นย่านที่เศรษฐีและผู้มีฐานะทางสังคมนิยมมาอยู่กันรวมถึงกษัตริย์ซาอุดิอาระเบียก็มาสร้างพระราชวังไว้ที่เมืองคาซาบลังก้าแห่งนี้พร้อมทั้งมีมัสยิดและหอสมุดส่วนพระองค์

ค่ำ รับประทานอาหารจีน ณ ภัตตาคาร

พักที่Casablanca GRAND MOGADOOR Hotelหรือเทียบเท่า5*

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม-เช็คเอ้าท์

11.30 น.  นำท่านเดินทางสู่สนามบินนานาชาติคาซาบลังก้า

14.45 น.  บินสู่สนามบินดูไบประเทศสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์โดยสายการบิน เอมิเรตส์ แอร์ไลน์เที่ยวบินที่ EK752

01.15 น.  ถึงสนามบินดูไบ, สหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์พักเปลี่ยนอริยาบถและเปลี่ยนเครื่อง

03.45 น.  เดินทางต่อสู่ประเทศไทยเอมิเรตส์โดยสายการบิน เอมิเรตส์ แอร์ไลน์เที่ยวบินที่  EK376

13.25 น.  คณะเดินทางถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ด้วยความสวัสดิภาพ และความประทับใจ

แผนที่

เลือกวันเดินทาง

วันเดินทางไป - กลับ ผู้ใหญ่ท่านละ พักเดี่ยวเพิ่มเงิน ราคาเด็กท่านละ
14 ต.ค. 67 - 23 ต.ค. 67103,900 บาท18,000 บาทสอบถามเพิ่มเติมจอง

เงื่อนไข

  1. ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ชั้นประหยัด ( Economy Class) ตามเส้นทางที่ระบุวันเดินทางไปกลับพร้อมคณะ (ในกรณีมีความประสงค์อยู่ต่อ จะต้องไม่เกินจำนวนวัน และอยู่ภายใต้เงื่อนไขของสายการบิน)
  2. ค่าน้ำหนักกระเป๋าเดินทาง ไม่เกิน30 กก./ท่าน
  3. ค่าภาษีสนามบิน ค่าภาษีน้ำมัน และค่าประกันภัยทางอากาศ
  4. ค่าที่พักโรงแรมระดับมาตรฐาน ตลอดการเดินทาง (พักห้องคู่)
  5. ค่าอาหารตามโปรแกรมที่ระบุ
  6. ค่าน้ำดื่มระหว่างเดินทาง 1ขวด ต่อท่าน/วัน
  7. ค่าพาหนะ รถรับ-ส่ง ตลอดการเดินทาง
  8. ค่าเข้าชมสถานที่, ค่าขี่อูฐ,ค่าวีซ่าโมรอคโค*** หากมีวีซ่าแล้ว ลด 3,000บาท
  9. ค่าประกันอุบัติเหตุระหว่างการเดินทางในวงเงินท่านละ1,000,000บาท และค่ารักษาพยาบาลในต่างประเทศวงเงิน 500,000 บาท (ประกันไม่ครอบคลุมผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 75 ปี ขึ้นไป)

1.ค่าทิป

   - ค่าทิปมัคคุเทศก์ท้องถิ่น           ท่านละ 4 USD / ท่าน / วัน (คิดเป็น 8 วัน เท่ากับ 32USD)

   - ค่าทิปคนขับรถในประเทศ        ท่านละ 3 USD / ท่าน / วัน (คิดเป็น 8 วัน เท่ากับ 24USD)

- ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ไทย                 ท่านละ 4 USD / ท่าน / วัน (คิดเป็น 10 วัน เท่ากับ 40USD)

(ตลอดทริป รวมทั้งหมด96 USD/ท่าน)

2.ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอาทิ ค่าโทรศัพท์, ค่าซักรีด, ค่าเครื่องดื่มในห้องพัก และค่าอาหารที่สั่งมาเพิ่มห้องพักค่าอาหารและเครื่องดื่มที่สั่งพิเศษในร้านอาหารนอกเหนือจากที่ทางบริษัทจัดให้ยกเว้นจะตกลงกันเป็นกรณีพิเศษ เช่น หากท่านทานได้เฉพาะอาหารทะเลเพียงอย่างเดียว ท่านต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม

3.ค่าทำหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต)

4.ค่าน้ำหนักของกระเป๋าเดินทางที่เกินกว่าสายการบินกำหนด (30กก./ท่าน)

5.ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%

6.ค่าธรรมเนียมน้ำมันของสายการบิน (หากมีการปรับขึ้น)

7.ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ไม่ได้ระบุไว้ในรายการ (ไม่มีแจกกระเป๋า)

1. บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะเลื่อนการเดินทางในกรณีที่ลูกค้าเดินทางไม่ถึง 15 ท่าน

2. ขอสงวนสิทธิ์การเก็บค่าน้ำมันและภาษีสนามบินทุกแห่งเพิ่มหากสายการบินมีการปรับขึ้นก่อนวันเดินทาง

3. ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนเที่ยวบิน โดยมิต้องแจ้งล่วงหน้า เนื่องจากสาเหตุต่างๆ

4.บริษัทฯจะไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้นหากเกิดกรณีความล่าช้าจากสายการบิน,การเมือง,การประท้วง,การนัดหยุดงาน, การก่อการจลาจล, ภัยธรรมชาติ, การจราจรติดขัด , อุบัติเหตุ ภัยธรรมชาติ

5.กรณีที่สถานที่ท่องเที่ยวใดๆ ที่ไม่สามารถเข้าชมได้เนื่องจากเหตุสุดวิสัยของสภาพอากาศเหตุการณ์ที่อยู่เหนือการควบคุมของบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

6. บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น หากว่ามีการนำสิ่งของผิดกฎหมายหรือความประพฤติส่อไปในทางเสื่อมเสียด้วยเหตุผลใดๆก็ตามที่กองตรวจคนเข้าเมืองพิจารณาแล้วหรือโดนปฏิเสธการเข้าเมืองทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของบริษัทฯ

7.กรณีที่ท่านสละสิทธิ์ในการใช้บริการใดๆ หรือไม่เข้าชมสถานที่ใดๆก็ตามที่ระบุในรายการท่องเที่ยวหรือไม่เดินทางพร้อมคณะทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

8. บริษัทฯจะไม่รับผิดชอบในกรณีที่กองตรวจคนเข้าเมืองของประเทศไทยงดออกเอกสารเข้าเมืองให้กับชาวต่างชาติ หรือ คนต่างด้าวที่พำนักอยู่ในประเทศไทย หรือเหตุการณ์ที่เหนือการณ์ควบคุมของบริษัท

9.กรณีที่ท่านใช้หนังสือเดินทางราชการ(เล่มสีน้ำเงิน) เดินทางเพื่อการท่องเที่ยวกับคณะทัวร์ หากท่านถูกปฏิเสธในการเข้า-ออกประเทศใดๆก็ตาม ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนค่าใช้จ่ายและรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น

10.บริษัทฯจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น หากเกิดสิ่งของสูญหายอันเนื่องเกิดจากความประมาทของท่าน,เกิดจากการโจรกรรมและอุบัติเหตุจากความประมาทของนักท่องเที่ยวเอง

11. เมื่อท่านตกลงชำระค่ามัดจำหรือค่าทัวร์ทั้งหมดแล้ว ทางบริษัทฯ จะถือว่าท่านได้ยอมรับเงื่อนไขข้อตกลงต่างๆ ทั้งหมด

12.เมื่อท่านได้ชำระเงินมัดจำหรือค่าทัวร์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการชำระผ่านตัวแทนของบริษัทฯ หรือชำระโดยตรงกับทางบริษัทฯ /ทางบริษัทฯ จะขอถือว่าท่านรับทราบและยอมรับในเงื่อนไขต่างๆ ของทางบริษัทฯ แล้ว

** เพื่อความถูกต้อง กรุณาตรวจสอบข้อมูลเดินทางและเงื่อนไขการชำระเงินกับทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายทุกครั้ง
ราคาเริ่มต้น
103,900 บาท
รหัส 022-02454 ทัวร์โมร็อคโค Fantastic Morocco
ราคาเริ่มต้น 103,900 บาท
เดินทางช่วง ต.ค.67
เดินทางโดย Emirates (EK)
ดูเพิ่มเติม https://gurutrip.co.th/tour.php?tour_id=8847

ไฟล์ PDF https://tourfiles.vm101.net/pdf/357/022-02454.pdf

สนใจติดต่อ บริษัท กูรูทริป จำกัด
เลขที่ใบอนุญาต 11/09033
โทร 02-003-1196 ,061-229-6955
LINE ID @GuruTrip
อีเมล info.gurutrip@gmail.com
คัดลอกข้อมูลทัวร์
เพิ่มในรายการโปรด
Share on social networks
Scan QRCode
ศูนย์รวมทัวร์ต่างประเทศ
ศูนย์รวมทัวร์ต่างประเทศ
ศูนย์รวมทัวร์ต่างประเทศ
ศูนย์รวมทัวร์ต่างประเทศ
ศูนย์รวมทัวร์ต่างประเทศ
ศูนย์รวมทัวร์ต่างประเทศ
ศูนย์รวมทัวร์ต่างประเทศ
ศูนย์รวมทัวร์ต่างประเทศ
ติดต่อสำนักงาน
บริษัท กูรูทริป จำกัด
เลขที่ใบอนุญาต 11/09033

88/35 หมู่บ้านดุสิตแกรนต์ปาร์ค แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ 10510

จันทร์ - เสาร์ (09.00 - 19.00)
บริการของเรา
บริการจองตั๋วเครื่องบิน
บริการทำ VISA ทุกประเทศ
บริการจัดนำเที่ยวต่างประเทศ
บริการจัดนำเที่ยวในประเทศ
บริการเช่ารถตู้ รถบัสโดยสาร
บริการจัดอบรมประชุมสัมมนา
บริการจองที่พัก โรงแรม รีสอร์ท
ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า
LineID
Add LINE Friends via QR Code
ติดตามเรา
home
หน้าหลัก
quatation
ขอใบเสนอราคา
chat
ติดต่อเรา
ติดต่อ
chat ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า
search ค้นหาโปรแกรมทัวร์
home หน้าหลัก
approval ขอใบเสนอราคา